“TFG” เปิดแผนปี 63 ตั้งเป้าโต 10 % จากปีก่อน คาดได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพียงช่วงระยะสั้น เนื่องจากเป็นสินค้าบริโภคพื้นฐาน และตลาดต่างประเทศกลับมาฟื้นตัวจากโรคระบาด ASF ส่งผลให้ความต้องการบริโภคไก่-สุกรเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตฟาร์มสุกร โรงงานแปรรูปสุกร และโรงงานอาหารสัตว์ มั่นใจการร่วมลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนประหยัดต้นทุน หนุนกำไรสดใส นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้ เติบโต10% เนื่องจากมีปริมาณ และยอดขายของทุกกลุ่มธุรกิจดีขึ้น ทั้งไก่ สุกร และอาหารสัตว์ ซึ่งตลาดต่างประเทศกลับมาฟื้นหลังจากที่มีโรคระบาดของโรคอหิวาต์หมู (ASF) ในจีน และประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนส่งออกไปตลาดหลักได้แก่ กลุ่มยุโรป,ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้น เพราะผู้ส่งออกรายอื่นประสบปัญหาโรคระบาด ดังนั้นในปี 2563 คาดว่า TFG จะมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยปริมาณการส่งออกเนื้อไก่ดิบ น่าจะเพิ่มเป็น 60,000 ตันจาก 50,000 ตัน และเนื้อไก่ปรุงสุกจะเพิ่มเป็น 12,000 ตันจาก 5,000 ตัน ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตในส่วนของฟาร์มสุกร โรงงานอาหารสัตว์ และโรงงานแปรรูปสุกร คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 10% โดยแผนการขยายสุกรจะเป็นแบบระยะยาวในช่วงระยะเวลา 3 ปี ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเนื้อไก่ดิบ 400,000 ตันต่อปี,ไก่สุก 5,000 ตันต่อปี และเนื้อหมู 100,000 ตันต่อปี ทั้งนี้บริษัทจะเน้นขยายตลาดเนื้อไก่-หมูปรุงสุก เนื่องจากมีมาร์จิ้นสูงสามารถช่วยลดความผันผวนจากราคาขายเนื้อไก่-หมูดิบได้เป็นอย่างดีและคาดว่าการผลิตไก่ปรุงสุกจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 2563-2564 นอกจากนี้บริษัทคาดว่าการระบาดของโรค Covid-19 จะส่งผลกระทบกับดีมานด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศในระยะสั้น เนื่องจากเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐาน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงประเมินผลกระทบและติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ทีเอฟ เทค ซึ่ง TFG มีสัดส่วนถือหุ้น 40% เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ลอยน้ำและโซลาร์รูฟท็อปในพื้นที่โรงงานของบริษัทกำลังการผลิตรวม 200 เมกะวัตต์จะช่วยลดต้นทุนพลังงาน 6-10% หรือ 30-50 ล้านบาทในเฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 13.78 เมกะวัตต์ จากปกติมีต้นทุน 500 ล้านบาท เมื่อดำเนินการได้ครบทุกเฟส จะช่วยให้ประหยัดต้นทุนได้ถึง 20% หรือราว 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการลงทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนอีกด้วย โดยล่าสุด TFG มีมติอนุมัติให้บริษัทไทย ฟู้ดส์ กรีน เอนเนอร์จี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน จัดตั้งบริษัทร่วมชื่อว่า บริษัทเจเนพูติก ไบโอ จำกัด เพื่อประกอบกิจการตรวจวิเคราะห์และการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ใช้วิธี Gene Therapy ในการรักษา ซึ่งเป็นกระจายการลงทุนและหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่