"ธรรมนัส"ปัดเอี่ยวกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นลั่นสั่งสอบ"พิตตินันท์"ผิดจริงไม่เลี้ยงดำเนินคดีถึงที่สุด สั่งสอบเชิงลึก ระบุแจ้งนายกฯทราบแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มี.ค.63 ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์แถลงชี้แจงกรณีมีคนสนิทได้กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้นว่า ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี และไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา สำหรับนายพิตตินันท์ รักเอียด เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคณะทำงาน ตนไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง และเรื่องนี้ได้เรียนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนที่สมัครเลือกตั้งตนได้รับรายงานว่านายพิตตินันท์มีคะแนนดี ก็อยากให้ทำงานการเมืองในพื้นที่ต่อไปและขอมาสมัครเป็นคณะทำงาน โดยดูแลเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ให้ทีมงานสอบถามแล้วว่าไปรู้จักกับนายศรสุวีร์อย่างไร ปรากฎว่าได้มีการนัดเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่กทม. เป็นการเจรจาเพื่อเอาหน้ากากไปแจกชาวบ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งของเขา โดยไม่มีการซื้อขายหน้ากาก
"ได้แจ้งทีมงานแล้วว่าให้นายพิตตินันท์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้และเพื่อเอาผิดกับนายนายศรสุวีร์ที่สุราษฎร์ธานี ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือชลบุรีว่าให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริง จะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผมหากไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์ และกักตุนหน้ากากอนามัย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้าย" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว และว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้นหรือไม่ หรือแค่โม้ แต่ได้ให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบและดำเนินคดีทันที แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากจริง น่าจะเป็นคนที่อยากดังมากกว่า
"ประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจ ดังนั้น การนำเสนอข่าวต่างๆอยากให้นำเสนอข้อเท็จจริงก่อน เพราะผมไม่อยากไปดำเนินคดี แต่จริงๆแล้วที่สื่อที่เอาลงไปแต่เช้า ผมได้ให้ฝ่ายกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว" ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยืนยันว่าตนเองอยู่บนโลกความเป็นจริง และเรื่องอย่างนี้อาจเป็นโชคร้ายของนายศรสุวีร์ที๋โพสต์เฟซบุ๊กอย่างนั้น ตนเอาจริงเอาจัง วันนี้จะรู้ว่ามีโรงงานจริงหรือเปล่าและได้สั่งการไปแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของในการกำกับดูแลเรื่องหน้ากากอนามัย แต่เมื่อมาพาดพิงเกี่ยวกับผม จึงต้องจัดการให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์นี้จะทำให้มีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่เนื่องจากเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนไว้วางใจจากสภาน้อยที่สุด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "คะแนนที่ออกมาหากส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่อีก 5 คนลงคะแนนให้ผม คะแนนมันจะน่าเกลียด ที่บอกได้น้อย จริงๆไม่ใช่น้อยนะครับ"
"ได้แจ้งทีมงานแล้วว่าให้นายพิตตินันท์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้และเพื่อเอาผิดกับนายนายศรสุวีร์ที่สุราษฎร์ธานี ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และได้ประสานงานกับสถานีตำรวจหนองปรือชลบุรีว่าให้ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว และหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริง จะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผมหากไปเกี่ยวข้องกับวงจรอุบาทว์ และกักตุนหน้ากากอนามัย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้าย" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว และว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้นหรือไม่ หรือแค่โม้ แต่ได้ให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบและดำเนินคดีทันที แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากจริง น่าจะเป็นคนที่อยากดังมากกว่า
"ประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจ ดังนั้น การนำเสนอข่าวต่างๆอยากให้นำเสนอข้อเท็จจริงก่อน เพราะผมไม่อยากไปดำเนินคดี แต่จริงๆแล้วที่สื่อที่เอาลงไปแต่เช้า ผมได้ให้ฝ่ายกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว" ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยืนยันว่าตนเองอยู่บนโลกความเป็นจริง และเรื่องอย่างนี้อาจเป็นโชคร้ายของนายศรสุวีร์ที๋โพสต์เฟซบุ๊กอย่างนั้น ตนเอาจริงเอาจัง วันนี้จะรู้ว่ามีโรงงานจริงหรือเปล่าและได้สั่งการไปแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของในการกำกับดูแลเรื่องหน้ากากอนามัย แต่เมื่อมาพาดพิงเกี่ยวกับผม จึงต้องจัดการให้เรียบร้อย
เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์นี้จะทำให้มีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่เนื่องจากเป็นรัฐมนตรีที่ได้รับคะแนนไว้วางใจจากสภาน้อยที่สุด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "คะแนนที่ออกมาหากส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่อีก 5 คนลงคะแนนให้ผม คะแนนมันจะน่าเกลียด ที่บอกได้น้อย จริงๆไม่ใช่น้อยนะครับ"