คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ /ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย สัปดาห์นี้ปรอทการเมืองของสหรัฐฯกำลังระอุปะทุความร้อนแรงเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง สืบเนื่องมาจากผลการแข่งขันขั้นต้นของผู้ที่สมัครเข้าไปเป็นตัวแทนของค่ายพรรคเดโมแครตในโค้งทื่ห้าซึ่งมีการแข่งขันถึง 14 รัฐโดยสมาชิกพรรคเดโมแครตต่างมีความกระวนกระวายใจและไม่แน่นอนเพราะไม่มีนักการเมืองของพรรคคนใดที่มีความพร้อมในการสร้างความสมานฉันท์ภายในพรรคได้ อนึ่งจากชัยชนะอย่างถล่มทลายของ “อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ที่รัฐเซ้าท์แคโรไลนา มาวินเป็นอันดับหนึ่งและเป็นรัฐแรกที่เขาได้รับชัยชนะเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ โดยได้รับ 44.8% ทำให้สถานะการณ์พลิกกลับเปลี่ยนตาลปัตร เพราะความหวังที่เขาต้องการจะเป็นตัวเต็งในการเป็นตัวแทนของพรรคเริ่มส่อเค้ารางๆ โดยมี “วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส” ที่แม้ว่าการแข่งขันที่ผ่านจะเคยเป็นหนึ่งมาตลอดก็ตาม แต่ครั้งนี้เข้ามาเป็นอันดับสองโดยได้รับเพียง 19.9% อีกทั้งขณะนี้พรรคเดโมแครตมีการแบ่งแยกออกเป็นสองขั้วอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ ขั้วของวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์สที่ได้รับความนิยมของกลุ่มเยาวชน และ ขั้วของอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ได้รับความนิยมจากคนสูงวัย !!! โดยขั้วของโจ ไบเดน ถือเป็นขั้วเดินสายกลางของค่ายพรรคเดโมแครต ส่วนขั้วของเบอร์นี แซนเดอร์สนั้น เห็นได้ค่อนข้างเด่นชัดว่า เป็นขั้วของฝ่ายหัวก้าวหน้า จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่เขาจะถูกโจมตีว่า “เป็นพวกซ้ายตกขอบ” สืบเนื่องมาจากเขามีเป้าหมายต้องการจะเปลี่ยนโครงสร้างสังคมอเมริกันที่เป็นอยู่ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยสังคมนิยม(Social democracy) ที่สนับสนุนให้รัฐเข้าไปมีส่วนบริหารทางด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อความยุติธรรมทางสังคมภายในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม โดยเขาเสนอนโยบายว่า อเมริกันชนทุกคนจะได้เรียนหนังสือฟรีในระดับมหาวิทยาลัย จะได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพอย่างเท่าเทียมกันทุกๆคน และจะได้ปลดหนี้จากการกู้ยืมเพื่อเล่าเรียน โดยจะหันไปเรียกเก็บภาษีจากคนรวยสูงมากขึ้นโดยทำให้กลุ่มเดินสายกลางกังวลใจ ทั้งนี้จำนวนผู้แข่งขันเพื่อต้องการที่จะเข้าไปเป็นตัวแทนของค่ายพรรคเดโมแครตจากที่เคยมีถึง 25 คน ขณะนี้เริ่มลดน้อยถอยลงไปอีก 3 คน โดยคนแรกได้แก่ “มหาเศรษฐีทอม สตีเยอร์” ที่ทุ่มเงินส่วนตัวไปแล้วเกือบสองร้อยล้านเหรียญในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่กลับปรากฏว่าไม่สามารถซื้อใจอเมริกันชนเข้ามาเป็นอันดับสามได้รับเพียง 11.3% ถอดใจไม่ไปต่อเปิดหมวกอำลาไปแล้ว รายที่สองได้แก่ “อดีตนายกเทศมนตรีพีท บูติเจิจ”นักการเมืองหน้าใหม่วัย 38 ปี จากรัฐอินเดียนา ซึ่งเขาได้รับชัยชนะมาเป็นอันดับหนึ่งที่รัฐไอโอวา แต่ขณะนี้ยกธงขาวไปแล้วเช่นกัน เพราะทำคะแนนได้แค่เพียง 8.2% และถึงแม้ว่าพีท บูติเจิจ จะประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นเขาก็ได้ออกมาเอ่ยปากกล่าวที่รัฐเทกซัสว่า “ ยินดีที่จะสนับสนุนโจ ไบเดนให้เป็นตัวแทนของพรรค” สร้างความยินดีให้กับโจ ไบเดนเป็นอย่างมาก โดยไบเดนตอบรับด้วยความยินดีและกล่าวว่าหากเขาได้รับเลือกก็จะมอบตำแหน่งรัฐมนตรีให้แก่อดีตนายกเทศมนตรีพีท บูติเจิจ ถือเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีที่ดียื่นหมูยื่นแมวให้แก่กัน!!! และในวันเดียวกันนั้นเองยังปรากฏว่า “วุฒิสมาชิกเอมี โคลบูชาร์”จากรัฐมินนิโซตา ก็ได้ออกมาประกาศถอนตัวยอมแพ้ด้วยเช่นกัน โดยเธอก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ประกาศหนุนโจ ไบเดนอย่างเต็มที่ เท่ากับว่าขณะนี้ขั้วของอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีป้อมปราการและเหล่าสมุนห้อมล้อมที่ค่อนข้างแน่นหนากว่าเบอร์นี แซนเดอร์ส หลายขุม!!! โดยในวันเดียวกันนี้ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ออกโรงให้สัมภาษณ์ว่า “เห็นด้วยที่พีท บูติเจิจ ออกมาประกาศสนับสนุนโจ ไบเดน” มีผลทำให้เบอร์นี แซนเดอร์ส ฉุนจัดมิอาจทนนิ่งอยู่เฉยออกมากล่าวโจมตีว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ควรจะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาของประเทศที่ขณะนี้กำลังเผชิญอยู่มากมายหลายด้านไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องโรคระบาดโควิด-19 ปัญหาตลาดหลักทรัพย์ที่กำลังปั่นป่วนยุ่งเหยิง ไม่สมควรที่จะเข้าไปยุ่มย่ามกับกิจภายในพรรคเดโมแครต” ดูๆไปแล้วเปรียบประหนึ่งว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะเกรงกลัวเบอร์นี แซนเดอร์สสูงกว่าโจ ไบเดน หลายเท่าตัว หากจะวิเคราะห์กันแล้วก็สมเหตุสมผลเพราะ โจ ไบเดน มีบาดแผลการเมืองมากมาย เพราะเขาใช้ชีวิตทางการเมืองมาอย่างโชกโชนกว่า 48 ปี และประธานาธิบดีทรัมป์คงคิดว่า ง่ายที่จะโจมตีโจ ไบเดน มากกว่าเบอร์นี แซนเดอร์ส อีกทั้งในช่วงของการโต้วาทีกับเพื่อนๆนักการเมืองค่ายพรรคเดียวกันที่ผ่านมา 10 ครั้งนั้น ปรากฏว่าโจ ไบเดนไม่สามารถทำคะแนนได้มากเท่าที่ควร!!! มองๆไปแล้วการที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะออกโรงมาโต้วาทีท้าประชันฝีปากกับเบอร์นี แซนเดอร์ส นั้นหนทางที่จะชนะค่อนข้างลำบากเหมือนมวยกระดูกคนละเบอร์ สืบเนื่องมาจากแซนเดอร์สมีลีลาการโต้วาทีที่แสนจัดจ้านแพรวพราว อีกทั้งแซนเดอร์สยังเป็นที่นิยมของคนระดับล่างอีกด้วย!!! รัฐที่มีการแข่งขัน 14 รัฐวันที่ 3 มีนาคม 2020 ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอีก 14 รัฐ ในโค้งที่ห้าวันอังคารที่ 3 มีนาคม สัปดาห์นี้ จึงได้กลายเป็นการแข่งขันครั้งสำคัญที่สุดที่เรียกกันว่า “ซูเปอร์ทิวส์เดย์” และขณะนี้ตัวเก็งที่จะเข้าไปช่วงชิงการเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตมีอยู่สองคน ก็คือ อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส ส่วน มหาเศรษฐีไมค์ บลูมเบอร์ก นั้นแม้ว่าจะเป็นตัวเก็งที่มาแรงอีกคนหนึ่งก็ตามแต่อาจจะประกาศถอนตัวเพราะผิดหวังกับคะแนนที่ได้รับเมื่อวันที่ 3 มีนาคมนี้ ในการแข่งขัน 14 รัฐนี้โดยมีคะแนนรวมกว่า 1,344 คะแนน โดยรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดที่มีคะแนนถึง 415 คะแนน อันดับสองรัฐเทกซัสมี 288 คะแนน รัฐนอร์ทแคโรไลนามี 110 คะแนน รัฐเวอร์จิเนีย 99 คะแนน รัฐแมสซาซ์เซตส์ 91 คะแนน รัฐมินนิโซตามีคะแนน 75 เป็นต้น และจากการประเมินของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ล่าสุดระบุว่าไบเดนจะได้รับคะแนนราว 631 คะแนน แซนเดอร์สจะได้รับ 575 คะแนน ไมค์ บลูมเบอร์กจะได้รับ 141 คะแนนและอลิซาเบธ วอร์เรนจะได้รับ 111 คะแนน ทั้งนี้ผู้ที่จะกลายเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตจะต้องได้รับคะแนนสัดส่วนอยู่ที่ 1,991 คะแนนจากจำนวนคะแนนทั้งหมด 3,979 คะแนนและเท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มไม่ว่าจะเป็นขั้วของวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์สหรือโจ ไบเดนคงไม่สามารถได้รับคะแนนถึง 1,991 คะแนนได้และคาดว่าจะเกิดอลเวงในการประชุมใหญ่ของพรรค ในภาพรวมแล้วหลังซูเปอร์ทิวเดย์พรรคเดโมแครตได้แบ่งเป็นสองขั้วอย่างเห็นได้ชัด ขั้วของเบอร์นี แซนเดอร์สเสนอนโยบายแบบถอนรากถอนโคนโดยมุ่งปฏิรูปสังคมเพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง ส่วนนโยบายของโจ ไบเดนเดินสายกลางเขาต้องการรักษาสถานะเดิมของพรรคเดโมแครตและจะดำเนินนโยบายต่อยอดของประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นผู้ที่จะเข้าไปเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตได้จะต้องมีคะแนนอยู่ที่ 1,991 คะแนนจากจำนวนคะแนนทั้งหมด 3,979 คะแนน และเท่าที่เห็นอยู่ในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นขั้วของวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส หรือขั้วของอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่มีใครสามารถได้รับคะแนนถึง 1,991 คะแนนได้ดังนั้นในที่สุดนักการเมืองสองคนนี้จะต้องทำการแข่งขันต่อไปละครับ