เมืองไทยประกันชีวิตปลื้ม 6 เดือนเบี้ยรับรวม 51,783 ล้านบาท เติบโต 12% รุกหนักครึ่งปีหลัง ชูแคมเปญ “รักใครให้ประกัน” ผ่านความรัก 4 แบบ ตอบโจทย์ความรักครบวงจร เดินเครื่องกวาดเบี้ยรับรวมสู่เป้าหมาย นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2559 บริษัทฯ มีผลงาน เบี้ยประกันภัยรับรวม 51,783 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 12% ขณะเดียวกัน ยังคงความเป็นอันดับ 1 ด้านผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ (New Business Premium-NBP) ด้วยจำนวน 18,447 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดถึง 22.9% และหากพิจารณาเฉพาะผลงานเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium-FYP) ยังคงอันดับ 1 ด้วยจำนวน 13,271 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 23.1% โดยขณะเดียวกันผลงานเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Year Premium-RYP) มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% ด้วยจำนวน 33,336 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 16.8% “อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ ที่สูงถึง 12% ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 18.6 % สามารถเติบโตได้สูงถึงเท่าตัวของอุตสาหกรรม โดยข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย พบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 ธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 278,598 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% ซึ่งถือว่าผลงานของบริษัทฯ เป็นระดับที่น่าพึงพอใจ และนับว่าเกินครึ่งทางแล้ว จากเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ได้ตั้งไว้” สำหรับในครึ่งหลังของปี 2559 นายสาระ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญ “รักใครให้ประกัน” เพื่อตอบโจทย์การส่งมอบความรักให้แก่คนสำคัญอย่างครบวงจร ทั้งการวางแผนการเงินและการบริหารความเสี่ยงผ่านประกันชีวิตแบบครอบคลุม “ความรักทั้ง” 4 รูปแบบ ดังนี้ “รักตัวเอง” ด้วยการวางแผนการเงินสำหรับการเกษียณอายุอย่างมีความสุข สามารถเก็บออมผ่านประกันชีวิตแบบบำนาญ เช่น เมืองไทย 8560 จี15 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) และ เมืองไทย 8501 ดี60 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะให้เงินบำนาญเมื่อเกษียณปีละ 12% ของเงินเอาประกัน ณ วันเริ่มสัญญา รวมถึงแบบประกันชีวิตที่สามารถซื้อร่วมกับสัญญาเพิ่มเติมด้านสุขภาพรูปแบบต่างๆ เช่น แบบสมาร์ทเฮลท์ ที่ให้ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลรวมสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อปี (สำหรับแผน 5) หรือแบบเอ็กซ์ตร้า แคร์ ที่คุ้มครองค่ารักษาส่วนเกินจากสวัสดิการที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีสัญญาเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองโรคร้ายแรง เช่น ซีไอ เพอร์เฟค แคร์ ซึ่งให้ความคุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสูงสุด 36 โรคร้ายแรง และมัลติเพิล ซีไอ ที่คุ้มครอง 4 กลุ่มโรคร้าย ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น หากตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงที่อยู่ในแต่ละกลุ่ม “รักครอบครัว” สามารถบอกรักได้โดยเตรียมวางแผนทางการเงินเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงให้แก่ครอบครัว รวมถึงการสร้างหลักประกันให้แก่ลูกหลาน กลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์นี้ได้ดี ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบคุ้มครองระยะยาวหรือตลอดชีพ เช่น โครงการ เมืองไทย คุ้มครองพิเศษ 1 ให้ความคุ้มครองตลอดชีวิต แต่จ่ายเบี้ยประกันชีวิตเบาๆ โครงการ เมืองไทย คุ้มครองพิเศษ 2 อีกทางเลือกที่จ่ายเบี้ยประกันชีวิตเพียง 10 ปี แต่คุ้มครองชีวิตจนถึงอายุ 80 ปี หรือ โครงการเมืองไทย คุ้มครองพิเศษ 3 ที่จ่ายเบี้ยประกันชีวิตระยะสั้นเพียง 7 ปี แต่คุ้มครองยาวจนถึงอายุ 90 ปี พร้อมรับเงินจ่ายคืนตลอดอายุสัญญา “รักลูก” ด้วยการวางแผนอนาคตทางการศึกษาเพื่อให้แน่ใจว่าลูกรักจะได้มีเงินก้อนสำหรับศึกษาต่อในสิ่งที่ชอบ และสามารถเดินทางตามความฝันได้ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ เช่น โครงการเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 ที่ตอบโจทย์การออมเงินระยะยาว ให้ผลประโยชน์เป็นเงินจ่ายคืนรายปี และเงินก้อนเมื่อครบสัญญา พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตผู้เอาประกันด้วย ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็การันตีได้ว่าลูกรักของคุณจะมีเงินพร้อมสนับสนุนด้านการศึกษาได้ดังที่คุณวางแผนไว้ “รักพ่อแม่” สามารถให้ประกันชีวิตเป็นทางเลือกการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใย และการดูแลเอาใจใส่ ทั้งยังเป็นโอกาสได้ตอบแทนพระคุณท่าน ผ่าน โครงการ เมืองไทยวัยเก๋า คุ้มครองทั่วไทย(เพื่อผู้สูงอายุ) ที่ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย สูงสุดถึง 500,000 บาท และรับเพิ่มเป็น 2 เท่า กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสาธารณะ สูงสุดถึง 1,000,000 บาท (สำหรับแผน 5) ซึ่งสามารถสมัครได้ง่ายโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ หรือสามารถเลือกแบบ ประกันภัยคุ้มครองอุ่นใจ จ่ายเบี้ยประกันสั้นเพียง 10 ปี รับความคุ้มครองสูงถึง 150% ของจำนวนเงินเอาประกัน ณ วันเริ่มสัญญา “การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เป็นนโยบายที่เมืองไทยประกันชีวิตให้ความสำคัญเสมอมา ทั้งการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมรูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เครือข่ายช่องทางที่ครอบคลุม เข้าถึง และเป็นมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการยกระดับการบริการที่หลากหลาย ตลอดจนโครงการ “เมืองไทย Smile Club” ที่สร้างสรรค์กิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้ม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับการนำเสนอแคมเปญ “รักใครให้ประกัน” ที่จะสามารถตอบโจทย์การแสดงความรักแก่บุคคลต่างๆ ในชีวิตได้อย่างครบถ้วน รวมถึงมุ่งส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการประกันและเริ่มวางแผนทางการเงินสำหรับอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย” นายสาระ กล่าว