“บ้านปู” เสริมแกร่งโครงสร้างการเงินยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน โดยเสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปในวงเงิน 4 พันล้านบาทและส่วนสำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมจำนวน 2 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6 พันล้านบาท รองรับกับการขยายตัวของธุรกิจ ชูอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งในระดับ A- คาดเสนอขายได้ปลายเดือนเม.ย.63 นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่า ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมในการจัดโครงสร้างทางการเงินของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการขยายการลงทุนในอนาคตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter บริษัทจึงพิจารณาออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือผู้ลงทุนสถาบันในช่วงปลายเดือนเม.ย.63 ทั้งนี้ ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันครบกำหนด 5 ปี หรือตามเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในแบบแสดงรายการข้อมูลฯ และร่างหนังสือชี้ชวน โดยบริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ และบริษัทให้ความไว้วางใจในการแต่งตั้ง ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร และบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ สำหรับบ้านปูฯ ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ดำเนินธุรกิจใน 10 ประเทศได้แก่ ไทย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเวียดนาม ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ครอบคลุมทั้งพลังงานถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องอาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ การจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานประกอบด้วยระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ณ ปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) แล้ว 24 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนา 9 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,900 เมกะวัตต์เทียบเท่า คิดเป็นกำลังผลิตที่ COD แล้ว 2,247 เมกะวัตต์เทียบเท่า สำหรับปี 2563 บริษัทฯ คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่ COD เพิ่มอีก 4 แห่ง กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 451 เมกะวัตต์เทียบเท่า ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน โรงไฟฟ้าพลังงานลม ระยะที่ 1 ในเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยามางาตะ (Yamagata) และยาบูกิ (Yabuki) ในญี่ปุ่น “ในปี 2563 บ้านปูฯตั้งเป้าใช้งบลงทุน 930 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะเน้นการลงทุนขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับซื้อแหล่งก๊าซ ที่เหลือเป็นการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 170 ล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจถ่านหิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทบ้านปูฯมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดวิสัยทัศน์ขององค์กรที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนต่อไป” ขณะเดียวกัน บ้านปูฯยังเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้วยการคว้ารางวัลทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ได้แก่ การเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และยังคงรักษาสถานะผู้นำกลุ่มพลังงานถ่านหินและพลังงานเพื่อการใช้งาน (Coal and Consumable Fuels) อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากการประเมินโดยผู้จัดและประเมินมาตรฐานการตรวจวัดศักยภาพความยั่งยืนขององค์กรในระดับโลก RobecoSAM นอกจากนี้ยังรวมถึงการเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Ratings สู่ระดับ A ตลอดจนได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) การได้รับรางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) และรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2019 แสดงถึงความยึดมั่นของบริษัทในการดำเนินนโยบายและบริหารจัดการบริษัทตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) ที่ครอบคลุมเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานปี 2562 ของบริษัทมีรายได้จากการขายรวม 2,759 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(ประมาณ 85,718 ล้านบาท) โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(ประมาณ 21,578 ล้านบาท) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจพลังงานในระดับภูมิภาคผนวกกับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของบ้านปูฯ ทำให้มั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีในหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนของบริษัท “เมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนในช่วง 5 ปีแรกที่ระดับ 5.00% ต่อปีด้วยอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่จัดโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A- เมื่อวันที่ 27 ก.พ.63 ภายใต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางความผันผวนของปัจจัยต่างๆ การลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของบ้านปูฯจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ลงทุนในปัจจุบัน”