ผ่านพ้นไปอีกรัฐ สำหรับ การเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาตัวแทนพรรคเดโมแครต สหรัฐฯ ไปสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสนามใหญ่กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าของตำแหน่งจากพรรครีพับลิกัน ในดือน พ.ย.ปลายปีนี้ โดยการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครรต ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก็มีขึ้นที่ “เซาท์แคโรไลนา” รัฐชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรัฐที่ 4 ของศึกเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อเฟ้นหาตัวแทนพรรคเดโมแครต รูปแบบวิธีการเลือกตั้งที่รัฐเซาท์แคโรไลนาแห่งนี้ ก็เป็นแบบ “ไพรมารี (Primary)” ผลปรากฏว่า พลิกล็อกหักปากกาเซียนกันครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เมื่อ “โจ ไบเดน” อดีตรองประธานาธิบดี สมัยบารัก โอบามา เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย เหนือคู่แข่งตัวเก็ง และม้ามืด คนอื่นๆ เป็นชัยชนะที่เหนือทรรศนะของบรรดาคอการเมืองสหรัฐฯ ที่ฟันธงตรงกันว่า “นายเบอร์นี แซนเดอร์ส” วุฒิสมาชิก หรือสมาชิกสภาซีเนต แห่งรัฐเวอร์มองต์ ซึ่งกำลังเป็นตัวเก็ง และกำลังมีกระแสคะแนนนิยมอันสุดร้อนแรง มีแนวโน้มว่าจะคว้าชัยได้อีกรัฐ ถึงขนาดมีคำกล่าวจากนักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ บางคนระบุว่า เซาท์แคโรไลนา อาจสุสานสถานฝังศพของนายไบเดน ในการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐแห่งนั้นก็เป็นได้ คือ คาดว่านายไบเดน อาจพ่ายแพ้ในศึกไพรมารีที่เซาท์แคโรไลนา และส่งผลทำให้เขาอาจหมดหวังที่จะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไปทำศึกเลือกตั้งสมรภูมิใหญ่กับประธานาธิบดีทรัมป์ก็เป็นได้ นอกจากเป็นชัยชนะเหนือทรรศนะวิจารณ์ของบรรดานักวิเคราะห์แล้ว ก็ยังเป็นชัยชนะที่หักผลโพลล์ของบรรดาสำนักโพลล์ทั้งหลาย ที่สำรวจความคิดเห็นชาวรัฐเซาท์แคโรไลนากันก่อนหน้าเมื่อวันก่อนอีกต่างหากด้วย ซึ่งผลโพลล์ ล้วนต่างยกให้นายแซนเดอร์ส จะมีชัยเหนือกว่านายไบเดน จากการที่มีคะแนนนิยมที่ร้อยละ 27 นำหน้านายไบเดน ที่ได้ร้อยละ 23 ทว่า ผลการเลือกตั้งขั้นต้นออกมากลับตรงกันข้าม เมื่อปรากฏว่า นายไบเดน คว้าชัยไปอย่างถล่มทะลาย ด้วยคะแนนเสียง 255,662 เสียง หรือคิดเป็นร้อยละ 48.4 พร้อมกับคว้า “คณะผู้เลือกตั้ง” หรือ “ดิลิเกต (Delegate)” ไปด้วยจำนวน 39 เสียง เป็นรางวัลกำนัลมือ ส่วนนายแซนเดอร์ส ผู้สมัครระดับตัวเก็ง ตามมาเป็นอันดับสองอย่างห่างๆ สุดกู่ กว่า 2 เท่าตัวด้วยคะแนนเสียงที่ได้เพียง 105,070 เสียง หรือคิดเป็นร้อยละ 19.9 พร้อมกับได้คณะดิลิเกตไปด้วยจำนวน 15 เสียง ขณะที่ นายพีท บูติเจิจ ผู้สมัครม้ามืด ก็ตกม้าตายไปเป็นที่เรียบร้อยละ เพราะได้คะแนนเสียงไม่ถึงที่จะได้รับคณะดิลิเกตแม้แต่เสียงเดียวในศึกไพรมารีที่รัฐเซาท์แคโรไลนาแห่งนี้ โดยคะแนนเสียงที่เป็นคะแนนดิบของนายไบเดนที่ได้ไปนั้น ก็มาจากเหล่า “อเมริกันชาวผิวสี” ซึ่งล้วนต่างเทคะแนนให้ จนสามารถกล่าวได้ว่า อเมริกันชนชาวผิวสีข้างต้น ถือเป็นกลุ่มผู้ลงคะแนนชี้ขาดแพ้ชนะของการสู้ศึกไพรมารีโหวตในรัฐเซาท์แคโรไลนากันเลยทีเดียว ความสำคัญของคะแนนเสียงของคนกลุ่มนี้ในรัฐเซาท์แคโรไลนา ถึงขนาดพลิกสถานการณ์ต่อคะแนนนิยมของบรรดาผู้สมัครได้ ไม่ว่าจะเป็นนายแซนเดอร์ส ที่มีคะแนนนิยมนำโด่ง และนายบูติเจิจ ที่มีคะแนนนิยมดีในฐานะม้ามืด ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เหมือนฉุดกระแสอเมริกันชาวผิวสีในรัฐแห่งนี้ ก็คือนายเจมส์ ไคลเบิร์น สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ หรือสภาคองเกรส นักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดในชุมชนชาวผิวสีในเซาท์แคโรไลนา โดยนอกจากได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลในหมุ่ชาวผิวสีของรัฐดังกล่าวแล้ว ภาพลักษณ์ของนายไบเดน เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี สมัยบารัก โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ก็ยังเป็นที่ติดตาตรึงใจ ซึ่งส่งผลให้ชาวผิวสีต่างพากันเทคะแนนให้เขา นอกจากนี้ ก็มีกระแสงเสียงวิเคราะห์ออกมาด้วยว่า นายไบเดน ทุ่มเทต่อการรณรงค์หาเสียงในรัฐเซาท์แคโรไลนาอย่างหนัก ถึงขนาดปักหลักกินนอนในรัฐแห่งนี้นานนับสัปดาห์ ก่อนถึงวันไพรมารี เลยทีเดียว ผลแห่งชัยชนะข้างต้น ก็ไม่ผิดอะไรกับอ็อกซิเจนที่ต่อลมหายใจให้แก่นายไบเดน ซึ่งพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งขั้นมา 3 รัฐรวด ได้คณะดิลิเกตสะสมก่อนหน้าเพียง 9 เสียงเท่านั้น สร้างความสั่นคลอนให้แก่กลุ่มผู้สนับสนุน รวมไปถึงกลุ่มทุน ที่กำลังเริ่มคิดหนักว่า จะยังคงเทเม็ดเงินทุนสำหรับรณรงค์หาเสียงให้แก่อดีตรองประธานาธิบดีผู้นี้ต่อไปดีหรือไม่ หรือหันไปทุ่มให้แก่นายแซนเดอร์สแทน ทั้งนี้ เมื่อว่าถึงกลุ่มทุนสนับสนุน ถือว่า สำคัญอย่างมากสำหรับการเล่นการเมืองในสหรัฐฯ โดยถ้าหากผู้สมัครพ่ายแพ้เลือกตั้งขั้นต้นในหลายๆ สนามติดต่อกัน ก็อาจจะต้องถอนตัว พ้นวงจรการชิงชัยกันไป อย่าง “นายทอมสเตเยอร์” ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งผันตัวเองมาเล่นการเมือง ด้วยการสมัครรับเลือกตั้งต่อพรรคเดโมแครตก็เป็นรายล่าสุด ที่ประกาศขอถอนตัวออกไป เมื่อกล่าวถึงจำนวนสะสมของคณะดิลิเกต ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้เป็นชี้ตายว่าจะอยู่หรือไปบนถนนการเมืองเรื่องเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ก็ปรากฏว่า นายไบเดน เริ่มตีตื้นขึ้นจากการที่สามารถสะสมคณะดิลิเกตได้ถึง 48 เสียง ไล่จี้ตามหลังอย่างติดๆ กับนายแซนเดอร์ส ที่มีคณะดิลิเกตสะสมอยู่ 56 เสียง ท่ามกลางความคาดหมายของบรรดานักวิเคราะห์ว่า ผู้สมัครทั้งสองจะสัประยุทธ์กันดุเดือดในศึก “ซูเปอร์ทิวส์เดย์” ที่จะมีการเลือกตั้งขั้นต้นในพื้นที่หลายรัฐพร้อมๆ กัน ในวันอังคารที่ 3 มี.ค.นี้ ประกอบด้วย แอละแบมา อาร์คันซอส์ แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด เมนส์ แมสซาชูเซตส์ มินนิโซตา นอร์ทแคโรไลนา โอกลาโฮมา เทนเนสซี เทกซัส ยูทาห์ เวอร์มอนต์ เวอร์จิเนีย โดยมีคณะดิลิเกตจำนวนถึง 1,357 เสียง ให้บรรดาผู้สมัครไขว่คว้าเป็นรางวัลใหญ่อีกต่างหากด้วย