เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 มี.ค.63 ที่กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงนครพนม พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 พร้อมด้วย พลเรือตรี สมพงษ์ ศรอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นครพนม (นรข.) พล.ต.สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม พลตรีสวราชย์ เเสงผล ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี นาวาเอก ณัฐพงศ์ พรรณรายณ์ ผบ.นรข.เขต นครพนม นาวาโท สิทธิศักดิ์ สิทธิกุล หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ นรข.ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตามแนวชายแดน และ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง แถลงการณ์ตรวจยึดยาไอซ์ ล็อตใหญ่ น้ำหนักรวม 542 กิโลกรัม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยตรวจยึดได้ เมื่อคืนที่ผ่าน มาหลัง มีการสืบทราบว่าจะมีการลักลอบ นำเข้ายาเสพติด เข้ามาในพื้นที่ รอย ต่อ อ.ธาตุพนม กับ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงได้ระดมกำลัง ลงพื้นที่ สกัดกั้นปราบปราม จับกุม พบกลุ่มชายต้อง สงสัย ประมาณ 4 -5 คน ขับเรือหางยาวมาจอดเทียบ ท่า บริเวณ ริมแม่น้ำโขง บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดหาร จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ ทำให้ กลุ่มชายผู้ต้องสงสัย เร่งขับเรือหนีไป และทิ้งกระสิ่งของต้องสงสัย ไว้ริมแม่น้ำโขง
ภายหลังเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ พบเป็นกระสบปุ๋ยยูเรือสีเหลือง ตราม้าบิน มีอักษรภาษาไทย จำนวน 22 กระสอบ ตรวจสอบ ภายใน เป็นยาไอซ์ บรรจุในถุงพลาสติกกันชื้น แพคเก็ตสีเขียว มีอักษร ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ คำว่า GUANYINWANG ยังไม่ทราบแหล่งผลิต ตรวจสอบพบน้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 542 กิโลกรัม โดยจากข้อมูลการจับกุม พบว่า มีราคาซื้อขาย ตกกิโลกรัม ละประมาณ 1 ล้านบาท แต่เมื่อส่งต่อไปขายจะเพิ่มมูลค่าประมาณ 1 -2 เท่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางมาตรวจสอบ เร่งขยายผลหาที่มา และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งการจับกุมยาไอซ์ ครั้งนี้ ถือว่า มีจำนวนมากสุกในรอบหลายปี ถือว่า เป็นล็อตใหญ่ คาดว่า จะมีการลักลอบนำเข้ามาจาก ทางประเทศจีนเวียดนาม เพื่อลักลอบ เข้าทางชายแดนอีสาน ส่งต่อไปขายตอนในของประเทศไทย โดยพื้นที่ชายแดนอีสาน รวมถึง จ.นครพน ถือว่า ช่วงนี้ มีการตรวจยึดจับกุมยาเสพติดบ่อยครั้ง และมีปริมาณมาก เป็นล็อตใหญ่ คาดว่าถูกกดดันมาจากชายแดนภาคเหนือ ซึ่งจากสถิติจับกุม พบว่ารอบเดือนที่ผ่านมา มีการยึดยาบ้ามากกว่า 4 ล้านเม็ด กัญชามากกว่า 2 ตัน
ด้าน พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ชายแดนอีสานถือว่ามีการตรวจยึดยาเสพติดบ่อยครั้ง อาจมาจากมีการถูกกดดันหนีมาจากชายแดนภาคเหนือ ทำให้เข้าทางภาคอีสาน บวกกับ มีการบูรณาการเข้มงวดจับกุมของเจ้าหน้าที่มากขึ้น ทำให้ มีสถิติการจับกุมบ่อย ครั้ง อย่างไรก็ตามได้ สั่งการให้ มทุกหน่วยงานความมั่นคง เข้มงวดตรวจสอบ หาข่าว สร้างความร่วมมือกับชาวบ้าน ในการสกัดกั้นปราบปรามดูแลตามแนวชายแดน ถือว่า น่าห่วง ยิ่งช่วงน้ำโขงลด อาจเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ และเอื้อต่อการลักลอบของ ขบวนการค้ายาเสพติด จึงต้อง สร้างความร่วมมือทุกฝ่ายในการทำงาน รวมถึง ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแส สำหรับ ยาไอซ์ล็อตนี้ ตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่าทะลักมาจากทางชายแดนภาคเหนือ ข้ามมาจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่สามารถระบุต้นทางการผลิตได้ ต้องตรวจสอบแน่ชัด ซึ่งมีการลำเลียง ผ่านมาหลายจังหวัดตามชายแดนภาคอีสาน หากพื้นที่ไหน สะดวกในการลักลอบนำเข้า จะขนส่งข้ามทันที อย่างไรก็ตามทางหน่วยงานเกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มมาตรการเข้มมากขึ้น เพราะหากลักลอบเข้ามาด้วย เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยมหาศาล
ภายหลังเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ พบเป็นกระสบปุ๋ยยูเรือสีเหลือง ตราม้าบิน มีอักษรภาษาไทย จำนวน 22 กระสอบ ตรวจสอบ ภายใน เป็นยาไอซ์ บรรจุในถุงพลาสติกกันชื้น แพคเก็ตสีเขียว มีอักษร ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ คำว่า GUANYINWANG ยังไม่ทราบแหล่งผลิต ตรวจสอบพบน้ำหนักถุงละ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 542 กิโลกรัม โดยจากข้อมูลการจับกุม พบว่า มีราคาซื้อขาย ตกกิโลกรัม ละประมาณ 1 ล้านบาท แต่เมื่อส่งต่อไปขายจะเพิ่มมูลค่าประมาณ 1 -2 เท่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางมาตรวจสอบ เร่งขยายผลหาที่มา และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งการจับกุมยาไอซ์ ครั้งนี้ ถือว่า มีจำนวนมากสุกในรอบหลายปี ถือว่า เป็นล็อตใหญ่ คาดว่า จะมีการลักลอบนำเข้ามาจาก ทางประเทศจีนเวียดนาม เพื่อลักลอบ เข้าทางชายแดนอีสาน ส่งต่อไปขายตอนในของประเทศไทย โดยพื้นที่ชายแดนอีสาน รวมถึง จ.นครพน ถือว่า ช่วงนี้ มีการตรวจยึดจับกุมยาเสพติดบ่อยครั้ง และมีปริมาณมาก เป็นล็อตใหญ่ คาดว่าถูกกดดันมาจากชายแดนภาคเหนือ ซึ่งจากสถิติจับกุม พบว่ารอบเดือนที่ผ่านมา มีการยึดยาบ้ามากกว่า 4 ล้านเม็ด กัญชามากกว่า 2 ตัน
ด้าน พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ชายแดนอีสานถือว่ามีการตรวจยึดยาเสพติดบ่อยครั้ง อาจมาจากมีการถูกกดดันหนีมาจากชายแดนภาคเหนือ ทำให้เข้าทางภาคอีสาน บวกกับ มีการบูรณาการเข้มงวดจับกุมของเจ้าหน้าที่มากขึ้น ทำให้ มีสถิติการจับกุมบ่อย ครั้ง อย่างไรก็ตามได้ สั่งการให้ มทุกหน่วยงานความมั่นคง เข้มงวดตรวจสอบ หาข่าว สร้างความร่วมมือกับชาวบ้าน ในการสกัดกั้นปราบปรามดูแลตามแนวชายแดน ถือว่า น่าห่วง ยิ่งช่วงน้ำโขงลด อาจเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ และเอื้อต่อการลักลอบของ ขบวนการค้ายาเสพติด จึงต้อง สร้างความร่วมมือทุกฝ่ายในการทำงาน รวมถึง ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแส สำหรับ ยาไอซ์ล็อตนี้ ตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่าทะลักมาจากทางชายแดนภาคเหนือ ข้ามมาจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ยังไม่สามารถระบุต้นทางการผลิตได้ ต้องตรวจสอบแน่ชัด ซึ่งมีการลำเลียง ผ่านมาหลายจังหวัดตามชายแดนภาคอีสาน หากพื้นที่ไหน สะดวกในการลักลอบนำเข้า จะขนส่งข้ามทันที อย่างไรก็ตามทางหน่วยงานเกี่ยวข้องจะต้องเพิ่มมาตรการเข้มมากขึ้น เพราะหากลักลอบเข้ามาด้วย เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยมหาศาล