“PLANET”เผยรายได้รวมปี 62 เท่ากับ 849.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหลังขายสินค้าโครงการใหญ่มูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท แจงเหตุทำผลงานทั้งปีพลิกขาดทุนจากการตั้งสำรองทางบัญชี ปักธงปี 63 เน้นสร้างธุรกิจเทคโนโลยีเกิดใหม่ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% กำไรสูงขึ้น นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 835.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.40% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขายสินค้าและบริการที่ 749.66 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 85.30 ล้านบาท และรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 0.19 ล้านบาท รายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นในปี 2562 มาจากการที่บริษัทมีการขายสินค้าโครงการใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีรายได้อื่นจำนวน 14.06 ล้านบาท ลดลง 0.57 ล้านบาทจากปีก่อนที่มีรายได้อื่นจำนวน 14.63 ล้านบาท รายได้อื่นมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้ดอกเบี้ย ส่งผลในปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 849.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.92 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 764.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.11% อย่างไรก็ตามในปี 2562 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.12% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปี2561 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 5.88 ล้านบาท หรือ 0.77% ของรายได้รวม บริษัทมีผลขาดทุนมากขึ้น 6.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 116.93% แต่เมื่อพิจารณาถึงผลประกอบการที่แท้จริงแล้ว ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานที่แท้จริง เพราะในปี 2562 บริษัทมีการตั้งสำรองทางบัญชีสำหรับผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่จำนวน 3 ล้านบาท และสำรองหนี้สูญ 2 ล้านบาท “ต้นทุนขายในปี 2562 เท่ากับ 679.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 81.40% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการเทียบกับปี 2561 ซึ่งมีต้นทุนขายเท่ากับ 586.46ล้านบาท หรือ 78.23% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 4.05% สาเหตุมาจากต้นทุนสินค้าของโครงการใหญ่สูงกว่าสินค้าที่ขายโดยทั่วไป และโครงการอื่น ๆ ที่ขายในปี 2562 โดยเฉลี่ยแล้วมีต้นทุนที่สูงกว่าปี 2561” สำหรับในปี 2563 บริษัทมีเป้าหมายจะผลักดันผลประกอบการปี 2563 ให้มีรายได้เติบโต 10% และกำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดยเพิ่มรายได้จากกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี่เกิดใหม่ (Emerging Technology Business) ประกอบด้วย Cloud Meeting Platform สำหรับการทำงานที่บ้าน (Work at Home)เพื่อรับมือวิกฤติไวรัส COVID-19,IoT Platform สำหรับพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City),TeleHealth Platform สำหรับกิจกรรมด้านสาธารณสุข และ Cyber Security Platform เพื่อรองรับกฎหมายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะบังคับใช้ในกลางปี 2563 ทั้งนี้บริษัทยังคงจำหน่ายอุปกรณ์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมและระบบถ่ายทอดสัญญาณดิจิทัลทีวีให้กับฐานลูกค้าเดิม ซึ่งเป็นกลุ่มสร้างรายได้หลัก อีกทั้งเพิ่มรายได้จากกลุ่มลูกค้าใหม่ ทำให้มีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)แล้วประมาณ 300 ล้านบาท