คลังเผยเศรษฐกิจไทยเดือนม.ค.63 มีสัญญาณที่ดีขึ้นจากภาคการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชนหมวดสินค้าคงทน แต่การลงทุนภาคเอกชน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมมีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง แต่ต้องติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหลังนักท่องเที่ยวหดหาย นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนม.ค.63 พบว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากภาคการส่งออกสินค้า การบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและยอดรถจักรยานยนต์ โดยยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งกลับมาขยายตัวเป็นบวกในรอบ 6 เดือนที่ร้อยละ 0.4 ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ติดลบร้อยละ 2.0 ต่อปี จากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ 17.3 ต่อปี อย่างไรก็ดีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ที่จัดเก็บบนฐานการใช้จ่ายในประเทศขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.4 ต่อปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.9 เป็นผลมาจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบการส่งออก สำหรับภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรชะลอตัวร้อยละ 2.2 ต่อปี จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลเป็นสำคัญ สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมที่สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวร้อยละ 4.6 ต่อปีจากการลดลงของการผลิตในหมวดยานยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ ส่วนผลผลิตอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวได้แก่ แอร์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่รดับ 92.2 ตามการเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่ผลิตเกี่ยวกับสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องมือแพทย์ ยา และเคมีเพื่อการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.1 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธ.ค.62 อยู่ที่ร้อยละ 41.2 ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนม.ค.63 อยู่ในระดับสูงที่ 230,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ