เอสซีฯ เปิดแผนปี63 รุกบริหารธุรกิจยืดหยุ่น เพื่อการเติบโตแบบยั่งยืน ลุยเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท เน้นแนวราบ พร้อมวางเป้ารายได้ 17,800 และยอดขาย 18,000 ล้านบาท            นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มองว่ายังมีปัจจัยลบต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจยังชะลอตัว อาทิ ภัยแล้ง การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2563 ที่ล่าช้า รวมถึงการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อตลาดท่องเที่ยว จีพีดี ของประเทศไทยในปีนี้มีโอกาสสูงมากที่จะเติบโตต่ำกว่า 2% ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มองว่าอยู่ในภาวะซึมเศร้า เนื่องจากเจอปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดมากมายคาดจะยังติดอยู่ที่ประมาณ 10%            ด้านแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน จะเน้นแนวทาง ‘Resilient’ ยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน พร้อมปรับตัวและมองโอกาสหา S-curve ให้บริษัทสำหรับการเติบโตระยะยาว โดยขับเคลื่อนใน 2 เรื่องหลัก คือ ‘Resilient Portfolio’ กับ ‘Resilient People’ โดยในส่วนของ ‘Resilient Portfolio’ จะแบ่งออกเป็น 3 เรื่องสำคัญ            1. For Sale เน้นตลาดแนวราบ เนื่องจากจากการเติบโตของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา ในปี 2562 ที่ผ่านมา โดยปีนีจะเพิ่มสัดส่วนของแนวราบราคาน้อยกว่า 10 ล้านบาท จาก 40% เป็น 50% ภายใน 3 ปี 2. For Rent เสริมพอร์ต recurring income ให้มีสัดส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคตมากกว่า 20% ของกำไรสุทธิ โดยได้เปิดบริษัทใหม่ ชื่อ SC Expedition (บริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด) ที่มีนายเยี่ยม เศรษฐบุตร เป็นกรรมการผู้จัดการ เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่ม mid-to-upscale รองรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในไทย โดยเฉพาะกลุ่ม FIT (Free Individual Travelers) ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองและกำลังเติบโต            พร้อมด้วยเป้าหมายการเปิดรวม 1,000 ห้องระหว่างปี 2563-2566 ประกอบด้วย 5 ทำเล ฝทั้งกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวที่พัทยา โดยจะเปิดในกรุงเทพฯ แห่งแรกที่ราชวัตร ส่วนอีก 3 ทำเล ได้แก่ รัชดาภิเษก , สุขุมวิท, วิภาวดี            สำหรับความคืบหน้าบริษัท SC Alpha Inc. (เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น) เพื่อลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีนายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งจากปัจจัยและโอกาสของตลาด อพาร์ตเมนต์ในบอสตันที่มีศักยภาพพร้อมเติบโต จึงได้ทำสัญญาซื้อและบริหารอาคาร ที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในเมืองบอสตัน รัฐ แมสซาชูเซตส์ มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และในแต่ละปี ได้เตรียมงบลงทุนในต่างประเทศประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ            และ3. หา S-curve ใหม่จาก Living Solutions ด้วยการมองโอกาสและหา S-curve ใหม่ บนการพัฒนา platform โดยได้เปิดตัว RueJai Club ไว้ดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นวิถีของโลกยุคใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งมอบ solutions ให้กับลูกค้าทุกๆบ้าน ด้วยโมเดลช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต ซึ่งประกอบด้วยแพ็กเกจบริการรายครั้งหรือรายเดือน สำหรับอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะอยู่ที่ 13 โครงการมูลค่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 12 โครงการใหม่ มูลค่า 12,500 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ทุกระดับราคา เริ่มต้น 2-50 ล้านบาท ทำเลวิภาวดี พระราม 5 , แจ้งวัฒนะ, พระราม 9, พัฒนาการ , บางนา-อ่อนนุช โดยเตรียมเปิดโครงการแรก วี คอมพาวด์ ติวานนท์-รังสิต ในเดือนมี.ค.นี้            ส่วนอีก 1 โครงการจะเป็นแนวสูง The Crest Park Residences คอนโดระดับ Luxury พัฒนาภายใต้บริษัทเอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาค คิวชูของประเทศญี่ปุ่น บนทำเล prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 429 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท กำหนดเปิดขายในไตรมาส 2/63 ราคาเฉลี่ยกว่า 200,000-250,000 บาทต่อตร.ม.            “ ในทุกวิกฤติ เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เราจะใช้ความยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน เราจะคิดอย่างผู้ชนะ มองหาโอกาส ในทุกวิกฤติ มี portfolio ที่ยืดหยุ่น สินค้าและบริการคุณภาพสูง และวัฒนธรรมองค์กร ที่ใช่ จะพา SC ผ่านปีแห่งบททดสอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน ” นายนายณัฐพงศ์ กล่าว ด้านเป้าหมายธุรกิจในปีนี้ เอสซี ตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท โดยมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้(แบ็กล็อก) มูลค่า 7,000 ล้านบาท จะรับรู้ปีนี้ประมาณ 60% และยอดขาย 18,000 ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมด 64 โครงการมูลค่ารวมกว่า 58,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 51 โครงการ มูลค่ารวม 42,300 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ มีสินค้าพร้อมขายและโอนทั้งแนวราบและคอนโดฯ มูลค่า 15,000 ล้านบาท