"เพื่อไทย" แฉ กลางสภาฯ มาดามหลังทำเนียบเอี่ยวโครงการจัดซื้อไบโอเมตริกของสตม. ด้านายกฯแจงไม่เชื่อภรรยาจะทำเรื่องไม่ดี วันที่ 26 ก.พ. 63 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ของ สตม. ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดซื้อจัดจ้างซื้อไบโอเมตริกเพื่อเชื่อมโยงในการตรวจคนเข้าเมือง และมีการขยายการจัดซื้อจัดจ้าง โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นที่ถูกกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใสโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีbiometric (ลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ว่า โครงการนี้เป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) โดยเป็นเงินงบประมาณที่ได้มาจากเงินค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมือง ที่ผ่านมาสตม.ใช้ระบบคัดกรองผ่านระบบลายนิ้วมือเป็นหลักแต่ต้องมีการเปลี่ยนมาเป็นลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า ซึ่งเป็นระบบทั่วโลกหลายประเทศได้ใช้ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาความคุ้มค่าก่อนการอนุมัติให้ใช้เงินแล้ว สตช.ทำสัญญากับกิจการค้าร่วมเอ็มที และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับเพื่อใช้ในราชการแล้วตั้งแต่เดือนส.ค. 2562 และมีการติดตั้งจำนวน 1,843 ชุด "ขอความเป็นธรรมว่าในเรื่องของการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนั้นก็มีหลายคนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันแล้วจะต้องไปร่วมกระทำความผิด ถ้ามาเหมากันแบบนี้ผมคิดว่าหลายคนที่หนีไปก็มีเพื่อนร่วมรุ่นหมายความว่าจะต้องผิดทุจริตกันหมดอย่างนั้นเหรอ ผมคิดว่าอยู่ที่ตัวบุคคล ภรรยาผมเป็นอาจารย์มาก่อนและเตือนผมเสมอในเรื่องการทุจริตมาตลอด" นายกฯ กล่าวชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการส่งมอบงานล่าช้านั้นมีปัญหาส่วนหนึ่งจากหน่วนงานเองด้วย โดยช่วงที่มีการกำหนดการส่งมอบงานปรากฎว่าเมื่อจะต้องมีการติดตั้งสัญญาณเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกลับไม่สามารถดำเนินการได้ ไปจนถึงสถานที่ในการดำเนินการก็ไม่มีความพร้อมสำหรับการติดตั้ง ซึ่งเป็นความบกพร่องของฝ่ายเราเองด้วย "ผมเคยจำได้ว่ามีการตรวจสอบการจัดซื้อรถถังโดยหน่วยงานของรัฐ มีการบอกว่าราคาในเว็บไซต์ถูกกว่า แต่การซื้อของแบบนี้จะซื้อผ่านทางเว็บไซต์ไม่ได้ เพราะการทำสัญญาจัดซื้อนั้นจะต้องซื้อระบบด้วย ที่แพง คือ ระบบ ระบบมาจากต่างประเทศ ถ้าเขาไม่ขายมาให้ก็ทำไม่ได้ ดังนั้น การดำเนินการต่างๆเป็นไปตามกติกา ซึ่งกรณีที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงราคาของเครื่องเปล่าเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีซอฟแวร์ด้วยถึงจะทำงานได้ และซอฟแวร์ใหม่จะต้องเชื่อมกับซอฟแวร์เดิมด้วย สรุปแล้วการจัดซื้อของจะต้องรวมการติดตั้งและการรับประกันด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกฯ กล่าวย้ำว่า การดำเนินการจัดซื้อทุกขั้นตอนผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว หากจะมีมาดามคนใดไปยุ่งเกี่ยวก็ต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป แต่ผมเชื่อมั่นในภรรยา เวลานี้มีคนอ้างชื่อนายกฯ รองนายกฯเป็นจำนวนมาก มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เชื่อ ถ้าอยากรู้ว่านายกฯสั่งการจริงหรือไม่ให้ถามที่ตนเองได้ เวลานี้มีการใส่ร้ายป้ายสีทางสื่อสังคมออนไลน์เต็มไปหมด "อย่างเมื่อวานที่มีการพูดจาในเรื่องนี้ ผมกราบเรียนว่าเราจะต้องสืบหาข้อเท็จจริง เพราะเกิดความเสียหายกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของการติดตามและตรวจพบว่าใครด่ากันด่ากันมา ซึ่งเป็นการไม่ดีเลยที่มีการปลุกระดมคนให้มาทะเลาะกัน ผมจะตรวจสอบด้วยว่าบางพรรคก็ทำ ทำเยอะด้วย ต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกันหมด ไม่ได้ขู่ใครแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย" นายกฯ กล่าว ขณะเดียวกัน ช่วงหนึ่งนายกฯได้ตอบข้อกล่าวหาของนายวิสาร เตชะธีระวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง1MDB โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมไม่อยากไปก้าวล่วงเพราะเป็นเรื่องของควาสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผมยืนยันว่ามีสองคนที่เกี่ยวข้อง โดยหนึ่งคนรับโทษในเรือนจำไปแล้ว อีกคนหนึ่งที่มีการอ้างว่ามีหมายแดงและเข้าออกประเทศไทยนั้นได้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการว่าหมายแดงได้ออกมาหลังจากนั้นไปแล้ว โดยก่อนหน้านั้นได้มีการเข้าออกประเทศเหมือนกับบุคคลทั่วไปเพราะยังไม่มีหมายแดง และวันนี้สิงคโปรต้นทางที่ออกหมายแดงก็ได้ยกเลิกหมายแดงไปแล้ว และข้อสำคัญ คือ คนที่เข้าออกประเทศไทยคนนี้เขามีสิทธิของเขาพอสมควรเหมือนกันจากบัตรอีลิทการ์ด ซึ่งไม่รู้ว่าใครทำให้เขา "บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโจมตีกัน เพราะเสียหายต่อความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รู้สึกว่าท่านชอบเหลือเกินในการที่จะทำให้ต่างประเทศลดความเชื่อมั่นผมและประเทศไทย แต่ไม่เป็นไรครับผมทนได้ ขอบคุณครับ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว