นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Warong Dechgitvigrom หัวข้อ “นิติบุคคลเอกชนกับมหาชน” ความว่า ผมได้อ่านแถลงการณ์ของท่านอาจารย์นิติศาสตร์ ต่อการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ เห็นต่างจากศาลรัฐธรรมนูญว่า พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเอกชน ไม่ใช่มหาชน แม้ผมไม่ใช่นักกฏหมาย แต่ผมขอใช้ประสบการณ์จริงเห็นต่างจากท่านอาจารย์ ซึ่งท่านอาจารย์จะอ้างหลักวิชาการ ว่านิติบุคคลมหาชนต้องเข้าหลักเกณฐ์ 3 ข้อ 1. พิจารณาจากกฎหมายที่จัดตั้งนิติบุคคลนั้น ว่าจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายมหาชนซึ่งได้แก่ พระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ 2. พิจารณาจากอำนาจที่องค์กรนั้นใช้ ว่าองค์กรนั้นใช้อำนาจมหาชนในลักษณะที่มีอำนาจเหนือหรืออำนาจฝ่ายเดียวหรือไม่ และ 3. พิจารณาจากกิจกรรมที่นิติบุคคลนั้นดำเนินการ ว่ากิจกรรมที่ทำเป็นเรื่องการจัดทำบริการสาธารณะหรือไม่ ท่านอาจารย์อาจมองแต่พรรคการเมือง ที่เป็นองค์การเดี่ยวๆ แต่ไม่มองเชื่อมโยงถึงส.ส.ที่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ที่ไปใช้อำนาจในนามพรรคการเมือง เช่นเป็นกรรมาธิการเชิญราชการมาตรวจสอบ หรือแม้แต่ส.ส.ที่สังกัดพรรคที่ไปเป็นรัฐบาลก็ใช้อำนาจที่รับมาจากพรรคการเมืองไปใช้อำนาจ ดำเนินนโยบายบริการสาธารณะ พรรคการเมืองจึงใช้ความเป็นนิติบุคคลมหาชนผ่านส.ส.ที่ถูกบังคับสังกัดพรรค ที่สำคัญคือ พรรคการเมืองไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรสูงสุดเหมือนเอกชน แต่ต้องทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ พรรคการเมืองยังได้รับงบสนับสนุนจากเงินภาษีของประชาชน พรรคการเมืองใช้อำนาจผ่านส.ส.ควบคุมรัฐ แต่เอกชนถูกรัฐควบคุม จึงไม่สามารถมาเทียบกับนิติบุคคลเอกชนได้เลย พรรคการเมืองจึงเป็นต้นธารของทุกสิ่งของประเทศที่จะต้องดูแลสาธารณะ ผมจึงมองว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลมหาชนที่พิเศษตามพรป.พรรคการเมือง มากกว่านิติบุคคลรัฐทั่วไป จึงกำหนดที่มาของรายได้ 7 ทางเท่านั้น และเจตนาของกฏหมายจึงไม่ต้องการการครอบงำจากนายทุน เพราะปัญหาความขัดแย้งจากสังคมไทยนั้นเริ่มต้นมาจากพรรคการเมืองที่ถูกครอบงำจากทุนสมานย์ และถูกกำหนดทิศทางโดยนายทุน ไม่ตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าไปตีความว่าพรรคการเมืองคือนิติบุคคลเอกชน สามารถทำทุกอย่างแบบเอกชนตามที่อาจารย์ว่า ผมรับรองได้เลยว่าประเทศชาติไปไม่รอดแน่นอน