“ZEN”โชว์ผลประกอบการปี 62 ทำรายได้รวม 3,144.2 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีก่อนจากการขยายสาขาใหม่และยอดขายเดลิเวอรี่พุ่งพรวดกว่า 8 เท่ารับเทรนด์ผู้บริโภคสั่งอาหารทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารค้าปลีกขยายตัวได้ดี ส่วนปี 63 ชูโมเดลเน้นขยายสาขาแฟรนไชส์เพื่อช่วยลดงบลงทุน พร้อมวางแผนพัฒนาระบบไอทีและเพิ่มศักยภาพในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร(Food Services) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 แม้ว่าประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทยังสามารถทำรายได้รวม 3,144.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,964.7 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยายสาขาใหม่ในปีที่ผ่านมาถึง 100 สาขา มากที่สุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันได้รับผลดีจากยอดขายเดลิเวอรี่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 8 เท่า สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกมากขึ้น โดยมียอดขายเดลิเวอรี่รวมในปีที่ผ่านมา 102 ล้านบาทเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้เดลิเวอรี่ 13 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารค้าปลีกเช่น น้ำปลาร้าปรุงรส,แจ่วบอง (น้ำพริกปลาร้า)มียอดขายเติบโตโดดเด่น โดยกำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 106.2 ล้านบาท ลดลง 24% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 140.2 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้น 2 รายการคือ การกลับรายการประมาณการหนี้สินจากการรื้อถอนในปี 2561 และการตั้งสำรองผลขาดทุนจากการปิด 2 สาขาในปี 2562 จะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 7% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ของสาขาเดิม (SSSG) ติดลบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 มีรายได้รวม 855.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 738.4 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปิดสาขาใหม่ถึง 37 สาขาและยอดขายจากบริการเดลิเวอรี่ผ่านช่องทางคอลเซ็นเตอร์(หมายเลข 1376) รวมถึงแอพพลิเคชั่นสั่งอาหารเติบโตอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้าย ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 18.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้จากธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิม (SSSG)ติดลบ และมีการตั้งสำรองผลขาดทุนจากการปิดสาขา สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2563 บริษัทวางลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้วางแผนขยายร้านอาหารตามสั่งแบรนด์เขียง เน้นโมเดลแฟรนไชส์ผ่านการจับมือกับพาร์ทเนอร์ในภูมิภาค (Regional Partner) มากกว่าการลงทุนขยายสาขาเอง โดยคาดว่าจะเปิดร้านอาหารภายใต้โมเดลแฟรนไชส์รวม 100-150 สาขาส่งผลให้บริษัทใช้งบลงทุนเพื่อการขยายสาขาลดลงจากปีก่อน นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนปรับปรุงร้านสาขาเดิม พัฒนาระบบไอทีและเพิ่มศักยภาพในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ดียิ่งขึ้น “จากแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อโดยรวมที่ชะลอตัว ปีนี้เราจึงมุ่งพัฒนาความสามารถในการทำกำไรของสาขาที่บริษัทมีอยู่แล้ว 345 สาขาควบคู่กับการเน้นขยายสาขาด้วยโมเดลแฟรนไชส์ และบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ คาดว่าจากกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยผลักดันรายได้และอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น”