เมื่อช่วงบ่าย ของวันที่24 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา นายเฉิน เจียงหลิน (CHEN JIANGLIN) อายุ 38 ปี ผู้โดยสารชาวจีนพร้อมเพื่อได้เรียกรถแท็กซี่สาธารณะสีชมพู หมายเลขทะเบียน ทฬ 7942 กทม บริเวณชานชาลาด้านนอกชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออกภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ไปส่งที่ โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กทม ก่อนจะทำกระเป๋าสตางค์ตกหล่นไว้ในรถแท็กซี่คันดังกล่าว หลังจากผู้โดยสารท่านนี้รู้ตัวจึงรีบเดินทางกลับมายังสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอให้ช่วยติดตามทรัพย์สินทั้งเงินสดและเอกสารต่างๆ อาทิเช่นเงินสดสกุลต่างๆประมาณ 8 หมื่นบาท บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม พาสสปอร์ต และเอกสารสำคัญหลายรายการ รวมถึงกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อหรูแบรนด์เนม
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจึงรายงานไปยัง นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเร่งประสานตรวจสอบหาเบาะแสของรถแท็กซี่คันดังกล่าว โดยมีการสั่งการให้ชุดปฎิบัติการพิเศษทอท.ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิดจนกระทั่งพบผู้โดยสารพร้อมเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังสหกรณ์แท็กซี่เพื่อให้ติดตามตัวคนขับและนำทรัพย์สินทั้งหมดมาคืนผู้โดยสารโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงสามารถคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนรายนี้ได้สำเร็จ ท่ามกลางความดีอกดีใจของนักท่องเที่ยวรายนี้ที่ได้ทรัพย์สินทั้งหมดคืน เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่มีติดตัวมาท่องเที่ยวในเมืองไทยทั้งหมด หากสูญหายก็จะอดเที่ยวแถมยังไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศอีก จึงออกมาขอบคุณการทำงานของทางเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิในครั้งนี้
ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศสยานสุวรรณภูมิ สายปฎิบัติการ 1 กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิให้ความสำคัญต่อการให้บริการของผู้โดยสารที่มาใช้บริการภายในสนามบินทุกคนทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กคดีน้อย ตนเองได้กำชับเจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดและให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความประทับใจและชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ที่ผ่านมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นของการเกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ตามในสนามบินส่วนใหญ่สามารถปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกจำนวนมากเทียบเท่าตามดก็ว่าได้ จึงฝากประชาสัมพันธ์ผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในสนามบินหากเกิดเหตุการณ์ใดไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินสูญหายหรืออื่นๆขอให้ท่านรีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่รปภ.ของสนามบินโดยเร็วเพื่อการประสานงานที่รวดเร็วและแม่นยำในการตรวจสอบและติดตามทรัพย์สินคืนให้กับเจ้าของ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจึงรายงานไปยัง นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อเร่งประสานตรวจสอบหาเบาะแสของรถแท็กซี่คันดังกล่าว โดยมีการสั่งการให้ชุดปฎิบัติการพิเศษทอท.ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ เร่งตรวจสอบภาพวงจรปิดจนกระทั่งพบผู้โดยสารพร้อมเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่หมายเลขทะเบียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังสหกรณ์แท็กซี่เพื่อให้ติดตามตัวคนขับและนำทรัพย์สินทั้งหมดมาคืนผู้โดยสารโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงสามารถคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนรายนี้ได้สำเร็จ ท่ามกลางความดีอกดีใจของนักท่องเที่ยวรายนี้ที่ได้ทรัพย์สินทั้งหมดคืน เพราะถือเป็นทรัพย์สินที่มีติดตัวมาท่องเที่ยวในเมืองไทยทั้งหมด หากสูญหายก็จะอดเที่ยวแถมยังไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศอีก จึงออกมาขอบคุณการทำงานของทางเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิในครั้งนี้
ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศสยานสุวรรณภูมิ สายปฎิบัติการ 1 กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิให้ความสำคัญต่อการให้บริการของผู้โดยสารที่มาใช้บริการภายในสนามบินทุกคนทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กคดีน้อย ตนเองได้กำชับเจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดและให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความประทับใจและชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ที่ผ่านมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นของการเกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ตามในสนามบินส่วนใหญ่สามารถปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกจำนวนมากเทียบเท่าตามดก็ว่าได้ จึงฝากประชาสัมพันธ์ผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในสนามบินหากเกิดเหตุการณ์ใดไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินสูญหายหรืออื่นๆขอให้ท่านรีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่รปภ.ของสนามบินโดยเร็วเพื่อการประสานงานที่รวดเร็วและแม่นยำในการตรวจสอบและติดตามทรัพย์สินคืนให้กับเจ้าของ