คุณตาโวยหมาจรจัดรุมขย้ำปางตาย ชาวบ้านหวาดระแวงกลัวจะเป็นภัยต่อชุมชน ห้ามลูกเด็กเล็กแดงออกจากบ้าน พร้อมจัดเวรยามเฝ้าฟาร์มไก่ เล้าหมู กันแก๊งค์จรจัดก่อเหตุซ่้ำ แจ้งเทศบาลฯมาจับ อ้างไม่มีกำลังคนและเครื่องมือจับหมา เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24 ก.พ.2563 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านเลขที่ 513 ม.2 บ้านน้ำพอง ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงหมู พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ หมูและไก่ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุสุนัขจรจัดรุมทำร้ายร่างกาย นายกว้าง คำวิชา อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 513 ม.2 ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนมีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ผ่านโซเชียนมีเดีย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.น้ำพอง พร้อมผู้นำชุมชน เข้าร่วมตรวจสอบในจุดที่เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย โดยพบกับนายกว้าง ซึ่งอยู่ในสภาพที่มีผ้าปิดแผลอยู่ตามร่างกายทั้งที่ขาซ้าย ขาขวาและที่มือทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังมีแผลที่ถูกสุนัขกัดแต่แผลเริ่มแห้งแล้วหลายจุดโดยเฉพาะที่แขนและขาทั้งสองข้าง โดยที่ขาซ้ายถูกเย็บ 10 เข็ม นายกว้าง บอกว่า มีอาชีพเลี้ยงหมูพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ขายมานาน ก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน หมูพ่อพันธุ์ถูกสุนัขมารุมกัดจนเสียชีวิต แต่ขณะนั้นไม่ทราบว่าเป็นสุนัขของใคร หรือพวกสุนัขจรจัด จึงปล่อยไป กระทั่งเวลา ประมาณตีสี่ของวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ยินเสียงลูกหมูในคอกร้องเสียงดัง จึงเดินเข้าไปดู พบสุนัขสีขาวดำ และสุนัขสีดำ เพศผู้ รวม 2 ตัวกำลังไล่กัดหมู ซึ่งเป็นลูกหมูอายุ 30 วัน จำนวน 13 ตัว ถูกสุนัขกัดตายไป 2 ตัว จึงรีบเข้าไปช่วยลูกหมู และไล่สุนัขออกจากคอก จนถูกสุนัขกัด ตามร่างกายหลายแห่งโดยที่ขาซ้ายถูกเย็บ 10 เข็ม "สุนัขรุมกัดตาในคอกหมู จนเป็นแผลตามตัว โดยเฉพาะที่ขาซ้ายถูกกัดจนเนื้อหลุดออกเป็นก้อน เป็นแผลลึก ภรรยาและลูกได้ยินเสียงร้องจึงออกมาช่วย และไล่สุนัข จนสุนัขหนีออกจากคอกหมูไปในสภาพที่มีเลือดเต็มตัว จึงบอกลูกๆว่า สุนัขที่กัดคือพ่อคือสุนัขลายขาวดำและสุนัขสีดำ เพศผู้มีเลือดเต็มตัว สิ่งที่เกิดขึ้นตาไม่ได้ต้องการค่าเสียหาย หรือเอาผิดกับใคร ขอแค่จับสุนัขกลุ่มนี้ออกไป ไปอยู่ในสถานที่ ที่ปลอดภัย ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใครอีก” นายกว้าง กล่าวต่ออีกว่า ลังเกิดเหตุลูกและภรรยาได้พาส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างแผลและเย็บแผล จากนั้นลูกๆก็ตามหาสุนัขทั้งสองตัว ซึ่งไปพบสุนัขนอนอยู่กลางถนน ห่างจากฟาร์มไปประมาณ 200 เมตร เป็นสุนัขจรจัด แต่มีชาวบ้านคอยให้อาหารเป็นประจำ ลูกๆจึงประสานเทศบาลน้ำพอง เพื่อมาจับสุนัขกลุ่มนี้ที่มีประมาณ 6-10 ตัว ออกนอกพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะมีชาวบ้าน ลูกหลานถูกสุนัขกลุ่มนี้กัดอีก แต่ไม่มีการจับสุนัขออกไปเพราะสุนัขยังคงเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้านและชุมชนดังเดิม ทางด้านนางประภัสสร สิทธิสาร อายุ 47 ปี ลูกสาวคนเจ็บ กล่าวว่า ช่วงเช้ามืดในทุกๆวันพ่อจะตื่นมาดูหมูที่เลี้ยงในคอก แต่เช้ามืดวันเกิดเหตุ ลูกหมูร้อง และพ่อก็ร้องขอความช่วยเหลือ ทุกคนในบ้านออกมาดูก็เห็นสุนัข 2 ตัวกำลังกัดพ่อและกัดลูกหมู จึงไล่จับสุนัข แต่สุนัขทั้งสองตัวหนีออกจากคอกไปได้ จากนั้นนำพ่อส่งโรงพยาบาล แพทย์ทำการรักษา จนพ่อมีอาการปลอดภัยและกลับมาที่บ้าน จากนั้นจึงออกตามหาสุนัขทั้งสองตัว จนพบสุนัขสีขายลายดำ มีเลือดเปรอะเต็มตัว และทราบว่าเป็นสุนัขจรจัด แต่มีชาวบ้านบางคนคอยให้อาหารประจำ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่เทศบาลนำพองมาจับสุนัขออกไปไว้ในที่ปลอดภัย แต่ทางเทศบาลบอกว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่และเครื่องมือในการจับสุนัข ขอให้ช่วยเหลือตัวเองไปก่อน โดยที่ทางเทศบาลจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาฝ้าระวังสุนัขกลุ่มดังกล่าวให้ “ไม่น่าเชื่อว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลทุกข์สุขขั้นพื้นฐานของชาวบ้าน จะไม่มีความพร้อมเช่นนี้ จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ทางครอบครัวไม่ได้เรียกร้องให้ใครมารับผิดชอบ หรือว่าจะเอาผิดใคร เพียงแค่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานำสุนัขออกนอกพื้นที่ไป เพราะเกรงว่าจะกัดชาวบ้านรายอื่นๆอีก” ขณะที่ นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง อ.น้ำพอง และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอ.น้ำพอง กล่าวว่า เหตุการณ์สุนัขกัดหมูในคอกของชาวบ้านและกัดเจ้าของหมูบาดเจ็บนั้น ในฐานะที่เป็นผู้นำชุมชน ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ลงพื้นที่มาดู เนื่องจากเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ทำงานล่าช้า ซึ่งน่าจะมีการประสานกับปศุสัตว์อำเภอหรือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในการจับสุนัข มานำสุนัขออกนอกพื้นที่ไปก่อน จากนั้นก็ต้องมาดูมาพูดคุยกับชาวบ้านว่าต้องการอะไรบ้าง แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครมาจับสุนัขกลุ่มที่ก่อเหตุไปเลย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า สิ่งที่ชาวบ้านกลัวอาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีกก็เป็นได้ เพราะก่อนที่จะกัดหมูนั้น สุนัขกลุ่มนี้เคยกัดเป็ด ไก่ของชาวบ้านมาแล้วจำนวนมาก