จากกรณีที่กำลังตำรวจ บก.ป.ร่วมกับตำรวจภูธร จ.ระนอง เข้าจับกุม น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ “ซินแสโชกุน” กรรมการบริหาร บริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 939/2560 ลงวันที่ 12เมษายน 2560 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากร่วมกับพวกอีก 9 คน ซึ่งเป็นญาติของซินแสโชกุน และถูกควบคุมตัวไว้แล้วเช่นเดียวกัน หลอกลวงผู้เสียหายกว่า 1,000 คน โดยอ้างว่าได้จัดทริปเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเช่าเหมาลำเครื่องบินสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก นัดหมายกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ภายหลังกลับปล่อยลอยแพโดยไม่มีการเดินทางแต่อย่างใด จนสร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั้งท่าอากาศยาน ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดนั้นต่างเป็นสมาชิกของบริษัทดังกล่าว ที่มีแผนการตลาดโฆษณารับสมัครสมาชิกด้วยเงินลงทุนหัวละ 9,730 บาท แล้วชักจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่นท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นฟรี ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายนนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวซินแสโชกุน ได้ที่ จ.ระนอง แล้วนำตัวมาสอบสวนที่ บก.ป.ก่อนจะขออำนาจศาลอาญา ผลัดฟ้องฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งซินแสโชกุน ได้ถูกส่งตัวไปยังควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 เมษายน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ ม่วงมณี อายุ 59 ปี , น.ส.ธัญวลัย น้ำแก้ว อายุ 49 ปี , นายพลกฤต ตะกระจ่าง อายุ 49 ปี น.ส.ภัสจนันท์ ฟองเฟื่องฟ้า อายุ 62 ปี , นายศาทิตย์ งามประภาพร อายุ 56 ปี และ น.ส.สิริธนัตถ์ รติวสุธัญกุล อายุ 63 ปี รวม 6 คน กรรมการบริษัทเวลท์ เอฟเวอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 88/6 หมู่ 9 ต.หนองยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังพบว่าทั้ง 6 คนมีชื่อเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวด้วย โดยทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.พร้อมคณะ และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ร่วมสอบปากคำทั้งหมดด้วยตนเองที่ห้องประชุมชิวปรีชา ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะ ร่วมแถลงข่าว โดย น.ส.ธัญวลัย หนึ่งในกรรมการบริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ได้นำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนก็ได้รับการชักชวนจากซินแสโชกุน ให้สมัครสมาชิกกับบริษัทแห่งนี้ เพื่อซื้ออาหารเสริม ซึ่งตนนับเป็นสมาชิกรุ่นแรก เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ต่อมาจึงถูกชวนให้ร่วมเป็นกรรมการบริษัทเพื่อบริหารงานเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นการเชิญด้วยปากเปล่า ไม่มีเอกสารแต่งตั้งเป็นทางการ ซึ่งตนก็ไม่ได้นำเงินมาลงทุน และยังไม่เคยได้รับผลตอบแทนในส่วนการเป็นกรรมการแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าครั้งแรกที่ซินแสโชกุนมาชวนนั้น ระบุว่าจะมีผลตอบแทนปันผลให้ในอนาคต หากว่าบริษัทมีกำไร ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการประชุมผู้บริหารบริษัท และไม่เคยมีการเรียกพนักงานหรือแม่ข่ายคนใดเข้าอบรมแนะนำสินค้าเหมือนธุรกิจขายตรงอื่นๆแต่อย่างใด น.ส.ธัญวลัย กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมเดินทางไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกง ก่อนที่วันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ จะได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะสั่งซื้อสินค้าและสะสมคะแนนครบตามยอดที่ทางบริษัทกำหนดไว้ คือ 8,830 บาท ซึ่งการเที่ยวตลอดทริปไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกเลย ถือเป็นราคาที่ถูกมาก โดยซินแสโชกุน อ้างว่าการไปเที่ยวดังกล่าวนั้นเป็นโปรโมชั่น และเงินส่วนต่างที่เหลือนั้นได้มาจากงบด้านการโฆษณามาใช้ดูแลตลอดทริป อย่างไรก็ตามเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนจะต้องถ่ายภาพคู่กับสินค้าเพื่อใช้ในการโปรโมทบริษัทต่อไป โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด “ขอยืนยันว่าซินแสโชกุน ไม่ได้บังคับให้ต้องหาสมาชิกหรือเครือข่ายต่ออีก และไม่ได้มีการจัดอบรมโฆษณาถึงเรื่องสรรพคุณของสินค้าบริษัท มีเพียงการชักชวนกันแบบปากต่อปาก ซึ่งหากมีสมาชิกเพิ่มเข้ามา ก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ และตนเองก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายด้วยเช่นกัน เพราะถูกลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ” น.ส.ธัญวลัย กล่าว ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับกรรมการบริษัทดังกล่าวทั้ง 6 ราย โดยเป็นเพียงการสอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจากขณะนี้ยังต้องมีการสอบสวนเพื่อแสวงหาข้อมูลและข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี และเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับซินแสโชกุน โดยจากสอบสวนเบื้องต้นพบว่าทั้งหมดมีการสมัครสมาชิกกับบริษัทเพื่อซื้อสินค้าอาหารเสริม แต่มีเพียง 1 คน ที่ได้รับสินค้าครบจำนวน ดังนั้นจึงเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงอยู่แล้ว ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีกับซินแสโชกุน ในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งข้อหาอื่นๆ นั้น ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่มเติมด้วย รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งมีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ บก.ป.รวมแล้วกว่า 200 คน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยเชื่อว่าทั่วประเทศน่าจะมีผู้เสียหายรวมกว่า 1,000 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ดี ทางผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ เพราะสำนวนจะนำมารวมกันอีกครั้งที่กองปราบ และหากสถานีตำรวจใดไม่รับแจ้งความจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้แจ้งมาที่ตนได้ทันที ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันเดียวกัน ยังคงมีผู้เสียหายทยอยกันเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับซินแสโชกุน อย่างต่อเนื่อง ด้าน พล.ต.ต.สุทิน กล่าวว่า จากพฤติการณ์เบื้องต้นของซินแสโชกุน นั้น ยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนการดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่นหนา และยังคงมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเนื่อง พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า วันที่ 17 เมษายนนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะไปขออำนาจศาล เพื่อออกหมายจับบุคคล อีก 8 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่มณฑลทหารบก ที่ 11 ( มทบ.11) ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งวันที่ 18 เมษายน ทหารจะนำตัวทั้ง 8 คน ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหา ก่อนนำฝากขังศาลอาญาต่อไป จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นพบว่ามีประมาณ 50 ล้านบาท รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เฮเลน - ชุติมณฑ์ ศรีเทพ ที่ถูกนำภาพไปปรากฏบนใบโฆษณาทริปไปเที่ยวโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ของบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด นั้น ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราบ เพื่อให้ข้อมูลและยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้ร่วมฉ้อโกง หรือมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดกับซินแสโชกุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ยังให้ข้อมูลว่าเมื่อครั้งเดินทางไปเที่ยวทริปฮ่องกงกับซินแสโชกุนนั้น มีโอกาสได้พบกับหญิงสาวชาวฮ่องกง รายหนึ่งที่เป็นหัวหน้าซินแสโชกุน ซึ่งสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่ซินแสโชกุนเคยให้ข้อมูลกับตำรวจและสื่อมวลชนว่ามีนายทุนเป็นชาวฮ่องกง ที่จะคอยจัดการเรื่องจองตั๋วเครื่องบิน และจัดที่พักให้ในทุกๆทริปที่ต้องเดินทางไป ขณะที่ นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความของซินแสโชกุน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าเยี่ยมซินแสโชกุน ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจากติดวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเตรียมเข้าเยี่ยมในช่วงเช้าวันที่ 18 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันเปิดทำการตามปกติเป็นวันแรก เพื่อพูดคุยถึงความชัดเจนและแนวทางในการต่อสู้คดี รวมถึงการจัดเตรียมหลักทรัพย์ที่จะใช้ในการยื่นขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากหลักทรัพย์ที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ มณฑลทหารบก ที่ 11 (มทบ.11) ซึ่งเป็นญาติและบุคคลใกล้ชิดของซินแสโชกุน นั้น มีกลุ่มญาติบางส่วนพยายามติดต่อขอเข้าเยี่ยม แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากอยู่ในการควบคุมตามคำสั่ง คสช.