“TVD” ปลื้มผลงานบริษัทย่อย “ทีวีดี ช้อปปิ้ง”ที่ร่วมทุนกับ MOMO พาร์ทเนอร์ชั้นนำ ผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อต่างๆ และโฮมช้อปปิ้งประเทศไต้หวันรุกธุรกิจในไทย โชว์ยอดขาย 9 เดือนแรกปี 62 อยู่ที่ 880 ล้านบาท เติบโต 19.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังรุกขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยว่า นับจากทีวี ไดเร็ค ร่วมมือกับบริษัท โมโม่ดอทคอม อิงค์ จำกัด หรือ MOMO จากประเทศไต้หวัน เปิดตัวบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ ทีวีดี ช้อปปิ้ง เมื่อปี 2557 โดย บมจ.ทีวี ไดเร็ค ถือหุ้น 65% และบริษัทโมโม่ดอทคอม อิงค์ จำกัด(MOMO) ถือหุ้น 35% เพื่อร่วมมือกันดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์ภายใต้ชื่อ TVD momo ในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมาบริษัท ทีวีดี ช้อปปิ้ง สามารถทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานทีวีดี ช้อปปิ้ง ในปี 2559-2561 มียอดขาย 1,091 ล้านบาท,1,054 ล้านบาท และ 1,041 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายช่วง 9 เดือนแรกปี 2562(ม.ค.-ก.ย.)อยู่ที่ 880 ล้านบาท เติบโต 19.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 735.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท เติบโต 98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.6 ล้านบาท สำหรับปัจจัยการเติบโตของ ทีวีดี ช้อปปิ้ง เกิดจากการมี MOMO เป็นพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งและจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการคัดสรรสินค้า โดยปัจจุบัน MOMO ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อต่างๆในประเทศไต้หวัน อาทิ รายการทีวีโฮมช้อปปิ้ง เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ แคตาล็อกสินค้า ฯลฯ ทั้งนี้ MOMO เริ่มดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งในไต้หวันเมื่อปี 2547 และเปิดช่องทีวีโฮมช้อปปิ้งอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “Fubon momo TV” ต่อมาในปี 2548 ได้เริ่มออกอากาศรายการโฮมช้อปปิ้ง 24 ชั่วโมง และเปิดตัวเว็บไซต์ด้านอี-คอมเมิร์ซ momoshop (www.momo.com.tw)เป็นรายแรกของไต้หวันในขณะนั้น และก้าวเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าชั้นนำในเวลาต่อมา นอกจากนี้ MOMO ยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจเทเลคอม ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจไฟฟ้าและเครื่องจักร เป็นต้น “ในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าผลักดันยอดขายของ ทีวีดี ช้อปปิ้ง เติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยกลยุทธ์หลักจะมุ่งเน้นการเพิ่มไลน์สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับความงามและสุขภาพซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง เชื่อว่าจะสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ดีกว่าปี 2562”