พาณิชย์พร้อมช่วยเอสเอ็มอีรับผลกระทบจากกรณีมะกันตัดจีเอสพีสินค้าไทยเดือน เม.ย.63 เตรียมทั้งมาตรการการเงิน-การตลาด-อำนวยความสะดวกทางการค้า พร้อมหาตลาดใหม่รองรับ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้รับหนังสือตอบกลับจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กรณีที่ให้ช่วยสอบถามสมาชิกว่ามีสินค้ากลุ่มไหนบ้างที่จะได้รับผลกระทบจากกรณีที่สหรัฐฯจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยในเดือน เม.ย.63 ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่ามี ผู้ประกอบการประมาณ 30 ราย จาก 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(เอสเอ็มอี)ที่ผลิตสินค้าส่งออกในกลุ่มยางพารา เหล็ก เซรามิก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารปรุงแต่ง ของเล่นและอุปกรณ์ กีฬา เป็นต้น ที่จะได้รับผลกระทบ และต้องการให้ช่วยเหลือ สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือ กรมร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการดำเนินการ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากถูกระงับสิทธิจีเอสพี โดยการแสวงหาตลาดที่มีศักยภาพใหม่ๆ หรือเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มได้แก่ อเมริกาเหนือ มีการขยายตัวในสินค้าอาหารสำเร็จรูปประเภทวีแกน,เอเชียใต้ เน้นอินเดียมีแนวโน้มการขยายตัวของอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น และยังมีตลาดรองที่น่าสนใจที่จะผลักดันการส่งออกให้เพิ่มขึ้นได้เช่น กลุ่มสินค้าเครื่องจักรกล อุปกรณ์ไฟฟ้าไปตลาดญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย,กลุ่มยานยนต์ เรือยนต์ ส่วนประกอบไปตลาดแอฟริกาใต้ ปากีสถาน อินโดนีเซีย,กลุ่มเครื่องเดินทางไปตลาดสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เป็นต้น ทั้งนี้ได้เตรียมนำผู้ประกอบการ 50 ราย ทั้งไม่ได้รับผลกระทบและได้รับผลกระทบ ร่วมงานเสวนา “ตัดสิทธิ GSP : SMEs รับมืออย่างไร” วันที่ 25 ก.พ.63 ที่อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆที่จะมาให้ข้อมูลถึงสถานการณ์การตัดสิทธิจีเอสพีของสหรัฐฯ ผลกระทบอาจเกิดขึ้น รวมถึงโอกาสและทางเลือกในการหาตลาดใหม่และสิทธิประโยชน์ต่างๆด้านการเงินและการลงทุน พร้อมให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันวันที่ 27 ก.พ.63 จะนำผู้ประกอบการทั้ง 50 ราย ไปพบปะกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ เพื่อหาตลาดใหม่มาช่วยรองรับการส่งออก