นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนหายดีกลับบ้านได้ โดยยังเหลือนอนรพ.อีก 14 ขณะ 2 รายที่ใช้เครื่องเอคโมช่วยอาการยังคงที่ ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมีการระบาด ให้เฝ้าระวังอาการตนเอง งดไม่ไปที่ชุมชน ไม่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ รวมทั้งไม่แนะนำสถานศึกษา ให้นร.-นศ.-บุคลากรที่กลับจากพื้นที่เสี่ยงไปตรวจหาเชื้อเพื่อขอใบรับรองนั้นไม่มีประโยชน์ ด้วยตราบใดที่ยังไม่มีอาการไม่มีทางพบเชื้อได้ วันที่ 23 ก.พ.63 นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยกล่าวว่า วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 60 ของผู้ป่วยในประเทศไทย เหลือนอนในโรงพยาบาล 14 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด และรายที่เป็นวัณโรคร่วมด้วย อาการคงที่ ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจทั้ง 2 ราย สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่มีคำแนะนำห้ามเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ตลอดจนยังไม่กำหนดเป็นมาตรการที่จำเพาะสำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในส่วนของไทยในฐานะสมาชิกองค์การอนามัยโลก ได้ดำเนินการตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก และได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรอง ผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในทุกช่องทางเข้าออกประเทศ ครอบคลุม ทั้งด่านบก เรือ อากาศ ตลอดจนโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน ทั้งนี้ ได้ความร่วมมือประชาชน ขอให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่องหรือมีการระบาดภายในประเทศ ได้แก่ จีน (รวม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ (รายชื่อของประเทศที่มีรายงานการระบาดจะมีการประกาศแจ้งเป็นระยะติดตามได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค) ขอให้รับผิดชอบต่อสังคม โดยเฝ้าระวังอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน งดไม่ไปที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการสงสัยป่วยขอให้สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ทุกวัน หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ แจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 นอกจากนี้ ในขณะนี้มีความห่วงใยของผู้ปกครอง และสถานศึกษาต่างๆ ที่มีนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งบุคลากร กลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ และกังวลเรื่องการติดเชื้อ โดยพบว่ามีหลายสถานศึกษาที่ให้นักเรียน นักศึกษาและบุคลากร ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจหาเชื้อและขอใบรับรองแพทย์ก่อนไปโรงเรียนนั้น ก.สาธารณสุขไม่แนะนำให้ไปขอตรวจและขอใบรับรองแพทย์เนื่องจาก การไปตรวจหาเชื้อในช่วงที่ไม่มีอาการ โอกาสพบเชื้อน้อยมาก หรือหากตรวจแล้วพบว่าเป็นลบก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่ป่วย , การไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และที่สำคัญอาจนำเชื้อต่างๆ ไปติดผู้ป่วยในโรงพยาบาลซึ่งมีร่างกายไม่แข็งแรงได้ และควรรีบไปตรวจเมื่อมีอาการตามคำแนะนำของก.สาธารณสุข สำหรับสถานศึกษาที่มีนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดให้ปฏิบัติตนดังนี้ 1. ขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด พักอยู่ที่บ้าน 14 วัน2. สถานศึกษาควรจัดให้มีมาตรการคัดกรองนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทุกวันโดยวัดไข้และสังเกตอาการ ไอ มีน้ำมูก เพื่อจะแยกตัวไปยังสถานที่เตรียมไว้ได้ทันที 3.นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด ให้สังเกตอาการป่วยตนเอง งดออกไปในที่สาธารณะที่มีคนอยู่จำนวนมาก งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช้ขนส่งสาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้ใส่หน้ากากอนามัยและรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 4.สถานศึกษา ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่หรือครูอนามัยเพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ 5. สถานศึกษาต้องจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับการล้างมือและแอลกอฮอล์เจลอย่างเพียงพอ สำหรับนักเรียน นักศึกษา บุคลากร สำหรับสถานการณ์ถึงวันที่ 23 ก.พ.63 ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย โดยผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.– 22 ก.พ.63 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,355 ราย คัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 ราย