กรมการแพทย์ระบุหมอวินิจฉัยเป็นโรคเส้นเลือดที่ตับผิดปกติ ทำให้เกิดอาการตับแข็ง ซึ่งพบไม่บ่อย และไม่เกี่ยวกับการดื่มเบียร์แค่ขวดเดียว แต่แนะนำควรดื่มเครื่องดื่มสุขภาพจะไกลโรคดีกว่า ขณะผอ.รพ.ราชวิถีชี้มารักษาที่ราชวิถี พบภาวะแทรกซ้อนจากโรคตับแข็ง และวางแผนจะเปลี่ยนตับแต่ด้วยมีภาวะแทรกซ้อนมากจึงไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนได้ พร้อมระบุการบริจาคอวัยวะ มีความสำคัญสามารถต่อชีวิตผู้ป่วยได้หลายราย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข่าวของผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยอาการตับแข็ง พร้อมทั้งระบุว่าร่างกายแข็งแรงและไม่เคยป่วยหรือเป็นอะไรเลย และมีอยู่มาวันหนึ่งนอนไม่ค่อยหลับเลยไปหยิบเบียร์มาดื่มขวดหนึ่ง ตื่นเช้ามามีอาการท้องอืด ถ่ายอุจจาระมีกลิ่นคาว เหนียวหนืดเหมือนยางมะตอย ตาเหลือง และอาเจียนเป็นก้อนลิ่มเลือดออกมาจำนวนมาก จึงได้ไปพบแพทย์นั้น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คือ ผู้ป่วยดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ ว่าเป็นโรคเส้นเลือดที่ตับผิดปกติทำให้เกิดอาการตับแข็ง เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย ซึ่งอาการตับแข็งของผู้ป่วยรายดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการดื่มเบียร์เพียงแค่ขวดเดียวดังที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าควรงดการดื่มสุรา เบียร์ หรือเครื่องที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อสุขภาพที่ดีและไม่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการอุจจาระสีดำอาเจียนเป็นเลือด เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคตับแข็ง โดยมีอาการท้องโต ตัวเหลือง ปวดท้อง น้ำหนัก ขึ้น แขนขาบวม และมีน้ำในช่องท้อง เกิดจากเส้นเลือดในช่องท้องผิดปกติ ซึ่งแพทย์ได้รักษาด้วยการลดภาวะแทรกซ้อนจากตับแข็งทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะยาว และได้มีการวางแผนรักษาด้วยการเปลี่ยนตับ โดยผู้ป่วยรายนี้อยู่ในอยู่ลำดับที่ 1 ของลำดับการเปลี่ยนถ่ายตับ แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเป็นข้อห้ามการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจึงไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนตับให้ผู้ป่วยได้ ทั้งนี้ ขอให้ข้อมูลว่าการบริจาคอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นกระจกตา หัวใจ ไต ตับ จึงมีความจำเป็นต่อผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถต่อชีวิตให้ผู้ป่วยได้อีกหลายชีวิต