สิ้นเสียงคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ จากคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปีนั้น อาฟเตอร์ช็อกจากคำสั่งวินิจฉัยดังกล่าว นอกจากกรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คน ทั้งที่เป็นส.ส.และไม่ได้เป็นส.ส.จะต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองไปโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้รัฐบาลเรือแป๊ะ พ้นสภาพปริ่มน้ำในทันที ด้วยคำนวณตัวเลขส.ส.ในสภาฯขณะนี้อยู่ที่ 498 เสียง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของอนาคตใหม่หายไป 11 เสียงจะเหลือส.ส.อยู่ในสภาฯทั้งสิ้น 487 เสียง และเสียงกึ่งหนึ่งของสภาฯ จะอยู่ที่ 244 คน ปัจจุบันฟากรัฐบาลมีเสียงอยู่ในมือ 260 เสียง ส่วนฝ่ายค้าน ณ วันนี้มีอยู่ 235 เสียง โดยที่ยังไม่ได้ตัดพรรคอนาคตใหม่ 76 ที่ออกไปแต่อย่างใด นั่นหมายความว่า ตอนนี้ตัวเลขส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้ทิ้งห่างฝ่ายค้านอย่างชัดเจน รวมทั้งกรณีที่พรรคเศรษฐกิจใหม่เพิ่งโบกมือลาการเป็น “ฝ่ายค้าน” ไปทั้งสิ้น 5 เสียง ขณะเดียวกันยังส่งผลสะเทือนไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ ให้อยู่ในภาวะ “ไร้น้ำหนัก” ด้วยมวยหมัดหนัก หรือ “ตัวจี๊ด” ในค่ายอนาคตใหม่ถูกสอยเป็นใบไม้ร่วง ดูรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปทั้งหมด 11 คน ประกอบด้วย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค ชำนาญ จันทร์เรือง พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ไกลก้อง ไวทยการ นิรามาน สุไลมาน เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สุรชัย ศรีสารคาม เจนวิทย์ ไกรสินธุ์ จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ และพล.ท.พงศกร รอดชมภู ที่เพิ่งลาออกจากทุกตำแหน่งของพรรคแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ออกมาชี้ว่าไม่รอดคมดาบของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาความผิดโดยยึดรายชื่อกรรมการบริหารพรรค ณ วันที่มีการกระทำความผิด ซึ่ง ณ ขณะนั้น พล.ท.พงศกร ยังคงมีชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “ปิยบุตร”ประกาศชัดว่า หากถูกยุบพรรคจะอภิปรายนายกฯและรัฐมนตรีนอกสภาฯ จึงต้องจับตาเกมการเมืองนับจากนี้จะดุเดือดเลือดพล่าน และเร่งอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนแรงขึ้นอย่างไร ในสถานการณ์ “เลือดเข้าตา!”