เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้ สถานการณ์แล้ง ยังวิกฤติ เนื่องจากระดับน้ำโขง ต่ำสุดรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีระดับต่างกันประมาณ 4 -5 เมตร ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1.50 เมตร ส่งผลให้เกิดสันดอนทราย เป็นพื้นที่กว้าง ในลำน้ำโขงหลายจุด กระทบการเดินเรือ รวมถึงสร้างความเดือดร้อนให้กับ เกษตรริมโขง ต้องแบกต้นทุนเพิ่มขึ้น ในการสูบน้ำทำการเกษตร เนื่องจากบางจุดต้องเพิ่มระยะทางในการสูบน้ำไกลขึ้น ขณะเดียวกันหลังน้ำโขงแห้ง ได้ส่งผลต่อปริมาณน้ำในลำน้ำสาขาแม่น้ำโขงสายหลัก มีลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย ประมาณ 20 – 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรนาปรัง ในพื้นที่ อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม ที่ติดกับ ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม เริ่มได้รับผลกระทบ ขาดแคลนน้ำในการเกษตร นาปรัง โดยทางชลประทานต่างเร่งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง รวมถึง เร่งเก็บกักน้ำในระบบชลประทานให้มากที่สุด เนื่องจากฤดูแล้งยังอีกหลายเดือน เสี่ยงต่อพื้นที่ข้าวนาปรังได้รับผลกระทบเสียหาย นอกจากนี้ยังแจ้งเตือนเกษตรกร ในพื้นที่เสี่ยง นอกเขตชลประทาน งดทำการเกษตรชั่วคราว รวมถึงงดเลี้ยงปลากระชัง ป้องกันความเสียหาย เนื่องจากปีนี้มีความเสี่ยงแล้งวิกฤติ เพราะยังอีกหลายเดือนจะถึงฤดูฝน เช่นเดียวกันกับ พื้นที่เกษตรนาปรัง ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม กว่า 30,000 ไร่ เริ่มขาดแคลนน้ำ เกษตรกรต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ในการสูบน้ำในระยะทางที่ไกลขึ้น และมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยทางสำนักงานชลประทานจังหวัดนครพนม ได้ เร่งตรวจสอบให้การช่วยเหลือ ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ กว่า 10 เครื่อง ไปติดตั้ง สูบน้ำเข้าพื้นที่นาข้าว ลดความเสียหาย รอการเก็บเกี่ยว อีกประมาณ 1 – 2เดือน นอกจากนี้ยังได้ประสานหน่วยงานเกษตร และองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น แจ้งเตือนให้เกษตรกร งดทำการเกษตรนอกเขตชลประทาน และ จัดหาแหล่งน้ำสำรอง รับมือ เนื่องจากปีนี้แนวโน้มได้รับผลกระทบหนัก อีกทั้ง ฤดูแล้งยังเหลืออีกหลาย เดือน คาดว่าจะได้รับผลกระทบขาดน้ำในการเกษตร มากกว่าทุกปี