เมื่อวันที่ 20 ก.พ.63 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของพรรคพลังประชารัฐ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่มติสภา 242 เสียงคว่ำญัตติตั้ง กมธ. ศึกษาการต้านรัฐประหาร ว่า อยากจะเรียน อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่ารัฐประหารที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากทหารเป็นตัวตั้งและรัฐประหารทุกครั้งที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากนักการเมืองเอง อย่าลืมว่าการรัฐประหารนั้นถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยทหารที่ออกมาก็จะเจอก้อนหินและจะไม่มีการรัฐประหารได้สำเร็จ ตนขอย้อนความหลังไป 2 ครั้ง คือในช่วงปี 2549 และ 2557 เพื่อให้คนรุ่นใหม่หรือเยาวชนที่ติดตามการเมืองอาจเกิดไม่ทันหรืออาจไม่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจะได้ไม่ถูกชักนำหรือใช้วาทะกรรมสร้างความแตกแยกให้กับประชาชน โดยรัฐประหาร 2 ครั้งดังกล่าวประชาชนออกมาให้ดอกไม้ทหารและผู้ร่วมชุมนุมในการขับไล่รัฐบาล ซึ่งประชาชนเบื่อการทำงานของรัฐบาลที่บริหารราชการผิดพลาดซึ่งสอดคล้องกับอำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นายสามารถ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 19 ก.ย.2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะฯ ซึ่งมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาให้กำลังใจทหารตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณกองบัญชาการกองทัพบก หลังมีการยึดอำนาจของคณะปฏิรูป แสดงความชื่นชมทหารด้วยการมอบดอกไม้ ส่งยิ้ม ถ่ายรูป แม้กระทั่งมีการพ่นสีข้อความว่า พล.อ.สนธิ วีรบุรษชาวไทยและกองทัพเพื่อประชาชน บนตัวถังรถยนต์ BMW Series 7 เป็นต้น รวมถึง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่ง บริเวณถนนราชดำเนินก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ตื่นตระหนกพร้อมร่วมถ่ายรูปกับทหารและรถถัง ซึ่งประดับด้วยดอกไม้ที่ประชาชนให้เป็นที่ระลึก ส่วนผลดุสิตโพลได้มีการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,019 คน ในวันที่ 20 ก.ย.2549 พบว่า 83.98 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยกับรัฐประหารเนื่องจากเห็นว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยมีความเห็นว่าภาพลักษณ์ของประเทศอาจต่ำลง นอกจากนี้ ยังมีผลสำรวจเกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย พบว่า 49 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลในขณะนั้นไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สอดคล้องกับการแก้ปัญหาของประชาชนจึงหันเหและเทใจให้กับทหารในการรัฐประหาร นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันที่ 24 ก.ย.2549 สำนักวิจัยเอแบคโพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเชิงประเมินผลของประชาชนต่อสังคมไทยและคุณลักษณะนายกฯคนใหม่ที่ประชาชนต้องการ กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยสอบถามประชาชนจำนวน 1,550 คน ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ย. 49 พบว่า ร้อยละ 92.1 รู้สึกว่าทหารเป็นที่พึ่งได้ , ร้อยละ 89.1 รู้สึกปลอดภัย , ร้อยละ 87 รู้สึกทหารเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ปี 2549 นั้นก็เกิดจากการทุจริตคอรัปชั่นมหาศาลของรัฐบาลในอดีตทำให้ทหารต้องเข้ามาแก้ไขในการคลี่คลายความขัดแย้งของนักการเมืองด้วยกัน นายสามารถ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 22 พ.ค.2557 พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าคสช ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศ สืบเนื่องจากก่อนหน้านั้นได้มีการนำพ.ร.บ. นิรโทษกรรมสุดซอย หรือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน เข้าสภาและมีการผ่านพิจารณา 3 วาระรวด ทำให้ประชาชนไม่พอใจออกมาเดินบนท้องถนนและหลายฝ่ายออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยอย่างมาก อีกทั้ง ความขัดแย้งของกลุ่มต่างๆ ก็ยังไม่คลี่คลาย จนต้องทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทหารไม่ได้มารัฐประหาร "อำนาจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแต่เป็นนักการเมืองต่างหากที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมีการทุจริตคอรัปชั่น มีการสร้างความวุ่นวายทำให้เกิดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน มีการปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ประชาชนทั่วไปไม่สามารถสัญจรไปไหนมาไหนได้ ทหารจึงเข้ามาแก้ไข ลดการสูญเสีย การรัฐประหารทั้ง 2 ครั้งนั้น ประชาชนให้ดอกไม้กับทหาร ดังนั้น ผมคิดว่าอยากให้ อ.ปิยบุตรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษานิสัยนักการเมืองจะดีกว่า ส่วนฝ่ายค้านที่จะจัดยุทธการอรุณรุ่ง ให้ระวังเจอปรากฏการณ์ สุริยปราคา เพราะพระอาทิตย์เจอพระจันทร์ดับแสง" ผมอยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายด้วยความจริง เป็นข้อมูลที่ถูกต้องดีกว่าสร้างวาทกรรมเพื่อสร้างความสับสนให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผมมั่นใจว่ารัฐบาลภายใต้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในการแก้ปัญหาพ่อแม่พี่น้องประชาชนในทุกมิติอย่างแท้จริง ส่วนตัวผมมั่นใจว่ารัฐบาลจะตอบข้อโต้แย้ง ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้ชัดเจนและครบถ้วนทุกประเด็น พ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างเห็นการทำการเมืองแบบสร้างสรรค์โดยยึดโยงกับประชาชน เหมือนที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชากำลังเร่งดำเนินการอยู่"