นายชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ ดร.โจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ ความในเพจ เฟซบุ๊กชื่อ ดร.โจ ชาญวิทย์ ใจสว่าง ระบุว่า
สบายดีหรือเปล่า อนาคตใหม่ ทำให้เชื่อว่า ถ้าพวกเขาไม่อยู่แล้ว สังคมไทยจะล้าหลังยาว ประเทศไทยจะไม่มีโอกาสที่จะทันสมัยและทัดเทียมได้อีกต่อไป กำลังยกตนว่า มีแต่พวกอนาคตใหม่เท่านั้น ที่จะเป็นผู้สร้างชาติบ้านเมืองนี้ให้เจริญทันเทียมต่างชาติได้เพียงผู้เดียว โดยคนอื่น ทำอะไรไม่เป็น ไม่มีภูมิความรู้มากเท่าพวกเขา ฉะนั้นสังคมต้องออกมาช่วยกัน ปกป้อง อนาคตใหม่อย่าให้โดนคดี เพื่อแลกกับการเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ไม่มีใครทำได้ เหมือนพวกเขาคิด พวกที่เชื่อว่า ไม่มีพรรคไหนทำได้แบบนี้ จึงมองข้ามหรือแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นระบบที่ไม่ดีต่างๆ ที่เคยถูกเปิดเผยไปเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคไม่ควรให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อาทิ เผด็จการอำนาจ อุปถัมภ์ คอรัปชั่น แต่ไม่กล้านำเอามาคิดตาม กลัวทำใจไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วคนที่ตัวเองรักทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่เหมือนกัน ล่าสุดเป็นไง จะปฏิรูปทหาร แต่คนของเอง ใช้สิทธิพัก กิน นอนฟรีอยู่ข้างใน เรื่องที่กล่าวย่อมา ถ้าเป็นคนที่คุณไม่รัก เป็นพรรคที่ไม่ศรัทธา ผมเชื่อว่าถล่มกันกระหน่ำ ไม่ต้องทั้งหมดด้วย เพียงด้านเดียว แทบไม่มีพื้นที่จะโต้กลับ พรรคการเมือง ไม่ใช่ศาสนา ที่ต้องศรัทธาไปกระทั่งวันตาย เมื่อเชื่อถือไม่ได้ ก็ต้องสรรหาพรรคใหม่ แล้วพรรคใหม่ชื่ออะไรเล่า.. เดี๋ยวจะเกิดขึ้นมาเอง พรรคการเมืองไม่ได้หมดสิ้นดีสุดเพียงแค่นี้ มันเป็นพลวัตรปกติ เรื่องแนวคิดที่ดีของ อนาคตใหม่ ..พรรคที่เกิดขึ้นใหม่ เขาต่อยอดเอง และทุกการต่อยอด จะพัฒนาการได้ดีกว่าแรกเริ่มเสมอ อนค. มีเสนอแนวคิดที่ดีหลายด้าน แต่ขาดวิธีการ ที่จะทำให้สำเร็จ ส่วนนี้ยังไม่ได้วิจารณ์กันเลย เมื่อยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เช่น ปราบคอรัปชั่น ด้วยรัฐเปิดเผยข้อมูล ก็ อนค. ทำอยู่ แต่ทุจริตเพียบ เรื่องให้ยืม 161.2 แบบมีเศษส่วน ไม่ใช่เป็นการหลุดปาก พูดในงานสัมมนา แต่มันเป็นความจำเป็น ที่ Boss ต้องให้เปิดแบบนั้น ก่อนจะหมดเวลา ตัวเลขต้องเท่านั้น เป็นเศษๆแบบนั้น กลมๆ ก็ไม่ได้ น้อยกว่ามากกว่าก็ขาดหรือล้นกรอบไปก็ไม่ได้ เดี่ยวกระทบ ระบบบัญชีแบบ“จุดจุดจุด” ที่จะให้มีการโผล่ย้อนหลังในวันที่มี สส.เต็มสภาไม่ได้ ซึ่งมีโทษและผลบานปลายกว่านี้อีกมาก จึงต้องชิงยกความโปร่งใสมาพูดบังเหตุการณ์ เสมือนว่า ฆ่าผู้อื่นตาย แต่อำพรางด้วยการแจ้งเอาความดีบังคดีว่าเป็นผู้พบศพ เบี่ยงเบนประเด็นว่าคนฆ่าคนตาย นี่เป็นความเจ็บปวดที่สุดของ Boss ที่พูดความจริงไม่ได้ แม้นจะขยายเวลาคำให้การไปอีกนาน เขาก็ไม่น่าจะพร้อมส่งเอกสารบัญชีอีก Boss พลาดเพราะเชื่อเพื่อนที่ขาดประสบการณ์มาตั้งแต่ต้น พยายามสร้างความสับสนให้มวลชนเข้าใจคลุมเครือเรื่อยมา ทั้งเงินยืม ไม่ใช่รายได้ รู้ทั้งรู้ว่า เป็นกฎหมายเฉพาะการเลือกตั้ง ปนกันไม่ได้ ทำนองเดียวกับคดีอาญาและแพ่ง ความผิดเดียวกันแต่ให้โทษต่างกัน เงินตัวเดียวกัน รายรับ รายจ่าย เหมือนกัน แต่มีข้อยกเว้นต่างกัน ในแต่ละภาคธุรกิจ ระบบภาษีเรียกเก็บ การยกเว้น การถือครอง แตกต่างกันหมด เช่น งบประมาณว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเอกชน ศึกษาและออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน 161.2 ล. มันคือรายได้ของบริษัทที่ต้องสำแดงภาษีให้กับรัฐ แต่งบประมาณเดียวกันนี้ ถ้าว่าจ้างโดยมหาวิทยาลัย กลับยกเว้นภาษีทั้งหมด ทั้งที่เป็นรายได้เข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน แม้นกระทั่งนักวิจัยชุดเดียวกัน แต่พอยืนอยู่กันคนละต้นสังกัด มันกลับต่างไปเลย มันแปลกดีไหม อาจารย์นักกฎหมายมือหนึ่งของพรรค เคยอยู่มหาวิทยาลัยน่าจะทราบเรื่องนี้ดี ซึ่งผมก็ไม่เห็นกับความย้อนแย้งแบบนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำให้ถูกต้องเท่านั้น จะแถ ข้างๆคูๆ แบบที่ อนค. ดันทุรังอยู่ ก็ติดคุกต้องคดีเปล่าๆ ค่อยรอโอกาสเข้าไปเป็น สส. เพื่อศึกษาเหตุและผลในเรื่องเหล่านี้เสียใหม่ แต่ยาก สำหรับผมอีก 10 ปี ก็เป็น สส. ไม่ได้ ด้วยคนเดิม เขารับผิดชอบประชาชนได้ดีกว่าผมมาก ต้องยอมรับความสามารถของเขาในเรื่องนี้ ทุกกิจกรรมสังคม เขาเข้าถึงหมด ไม่ห่างประชาชนเลย ส่วนผมพวกมีธุระมาก 555 มีทางเดียวคือการนำเสนอนโยบายให้กับพรรคการเมืองอื่นในสมัยต่อไป กลับมาที่คดีเงินกู้ สมมุติว่า ถ้า 21 กพ. นี้ อนค. ไม่ผิด นั่นแสดงว่าการกู้เงินทำได้แล้ว ทุกพรรคทำต่อไปได้และยังทำได้อีก คุณคิดว่าศาลจะตัดสินออกมาทางไหน พอประมาณความกันได้หรือเปล่า ว่าจะให้หยุดการกู้กันแค่นี้ หรือปล่อยยาวๆไป ไม่มีข้อจำกัด