ตำรวจคุมตัวหนุ่มโหดก่อเหตุยิงอดีตแฟนสาว ในห้างสรรพสินค้าย่านอนุสาวรีย์ชัย ส่งฝากขังศาลอาญา พร้อมยื่นคัดค้านประกันตัว ด้านผู้ต้องหาเปิดเผยเป็นเรื่องของคน 2 คน ขณะที่แม่มือปืนเผยลูกชายบอกว่า เมียมาเข้าฝันและถามว่าทำไมต้องฆ่าด้วย” เมื่อวันที่ 20 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัวนายดนุสรณ์ หรือ เจ นุ่มเจริญ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงอดีตภรรยาเสียชีวิต ขณะทำงานที่คลินิกเสริมความงามในห้างสรรพสินค้า ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาภิเษก พิจารณารับฝากขังตัวชั่วคราวใน 5 ข้อหา คือ 1ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2. พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต4.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว 5.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ อัตราโทษสูง ประชาชนให้ความสนใจและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี โดยศาลอยู่ระหว่างพิจารณารับฝากของตัวชั่วคราว ซึ่งก่อนหน้านี้นายดนุสรณ์ เปิดเผยสั้นๆ ระหว่างที่ตำรวจกำลังคุมตัวผู้ต้องหาไปขึ้นรถ โดยบอกว่าเป็นเรื่องของคน 2 คน พร้อมฝากขอโทษสังคมกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ สน.พญาไท เมื่อคืนนี้สอบถามร้อยเวรแล้วทราบว่า ผู้ต้องหามีอาการเครียด แต่นอนหลับรับประทานอาหารได้ตามปกติ และไม่ได้ร้องขอสิ่งใดเป็นพิเศษ ทางด้านมารดาของนายดนุสรณ์ กล่าวเปิดเผยว่า ตนทราบดีว่าลูกชายเเละอดีตลูกสะใภ้ มีปัญหากัน จนนำไปสู่การหย่าร้าง หลังหย่าร้างทั้งคู่ก็ต่างคนต่างไปมีคนใหม่ กำลังจะไปได้สวย แต่ทางลูกชายก็ได้มาบอกตลอดว่า เขายังรักผู้ตายอยู่ ยังลืมไม่ได้ ถึงแม้เลิกกันไปแล้วแต่ยังรู้สึกหึงหวง และเคยบอกว่าจะไปทำร้ายผู้ตาย หากไม่กลับมาคืนดี ตนรู้ว่าลูกชายอารมณ์ร้อน จึงเตือนลูกชายว่าอย่าไปทำร้ายเขาเลย เพราะการติดคุกมันไม่ดีหรอก ทั้งนี้ตนก็ส่งข้อความไปเตือนผู้ตายว่า ให้ระวังตัวไว้ เพราะลูกชายกำลังโมโห แต่ก็ไม่ได้คิดว่า ลูกชายจะก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้ ซึ่งหลังจากที่ถูกจับกุม ได้พูดคุยกับลูกชายบอกว่า ตอนนี้ยังรู้สึกเครียด และที่ทำลงไปเพราะหึงหวง และยังรักผู้ตายมาก ตอนที่ก่อเหตุนั้นขาดสติ เป็นอารมณ์ชั่ววูบและตอนนี้รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำแล้ว มารดาของนายดนุสรณ์ กล่าวต่อท้ายว่า ลูกชายยังเล่าอีกว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างที่ถูกกักขัง ผู้ตายได้มาเข้าฝันแล้วถามว่า ทำไมต้องฆ่าต่ายด้วย ตนจึงบอกกับลูกชายว่าไม่ต้องคิดมาก ให้ก้มหน้ารับโทษยอมรับทั้งตัวเองเเละลูกชายรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษฝั่งผู้ตาย และยอมรับว่ายังอยู่ระหว่างตัดสินใจ ว่าจะไปร่วมงานศพผู้ตายที่จังหวัดตากหรือไม่ เพราะส่วนหนึ่งครอบครัวก็ไม่มีเงิน ที่จะเดินทางไป และไม่มีเงินจะมอบให้ทางฝั่งครอบครัวผู้ตาย ได้แต่หวังว่าดวงวิญญาณผู้ตายจะไปสู่ภพภูมิที่ดี