“EPG”งัดแผนรับมือศก.ผันผวน หลังอุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวถึง 20% ระบุโค้งสุดท้ายปี 62/63 มั่นใจทำอัตรากำไรขั้นต้นตามเป้าหมาย รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลกเปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศเติบโตได้ 2.4% เนื่องจากการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯและการแข็งค่าของเงินบาท ขณะเดียวกันช่วงเดือน ต.ค.62-ธ.ค.62 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานยอดจำหน่ายรถกระบะ 1 ตันภายในประเทศ ปรับตัวลดลง 19% และยอดส่งออกยานยนต์ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่ อาจด้วยความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงรอการเปลี่ยนโมเดลรถรุ่นใหม่ หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาทดแทนในอนาคต สำหรับปี 2563 สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศเติบโตได้ 1.5-2.5% จากผลกระทบโรคระบาดไวรัส COVID-19 และความล่าช้าของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 เป็นต้น จากปัจจัยดังกล่าวจึงเห็นได้ว่าตั้งแต่ปลายปี 2562 ถึงปัจจุบันภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน โดยแนวโน้มธุรกิจของ EPG ในงวดปีบัญชี 62/63 (เม.ย.62-มี.ค.63) คาดว่าจะมีรายได้จากการขายเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 62/63 แบ่งเป็น Aeroflex 31% Aeroklas 43% และ EPP 26% ซึ่งกลุ่มธุรกิจ Aeroflex และEPP ยังคงมีรายได้จากการขายเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วน Aeroklas ยังไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ตามเป้าหมายที่ 28-30% ส่วนการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีบัญชี 62/63 (ม.ค.63-มี.ค.63) ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มุ่งทำการตลาดในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมทั้งในและต่างประเทศได้แก่ สหรัฐฯ,ญี่ปุ่น และอาเซียน ขณะที่โรงงานแอร์โรเฟลกซ์ 5 ซึ่งเป็นโรงงานแห่งใหม่ใน จ.ระยอง เริ่มทดสอบการผลิตแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมี.ค.63 เพื่อรองรับการเติบโตฉนวนกันความร้อน/เย็น และฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ไตรมาส 3 ปี 2562/63 ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ชะลอการสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ โดยใช้สต็อกเดิมที่มีอยู่ส่งผลกระทบกับแอร์โรคลาส ทำให้มีอัตราการใช้กำลังการผลิตต่ำ แม้จะได้รับประโยชน์จากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว คาดว่าการบริหารต้นทุนของแอร์โรคลาสจะปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับธุรกิจ TJM Products Pty.Ltd (TJM)มีแผนขยายตลาดในต่างประเทศโดยเฉพาะทวีปเอเชีย เพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ เสริมพอร์ตเพิ่มความแข็งแกร่ง โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ได้บุกตลาดประเทศไทย เปิดโชว์รูมแห่งแรกที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และในปลายเดือนก.พ.นี้เตรียมจะเปิดแฟรนไชส์อีก 1 แห่งที่ จ.ขอนแก่น และมีแผนขยายแฟรนไชส์อีกหลายแห่งในประเทศไทย อีกทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แสดงความสนใจในการร่วมทำธุรกิจกับ TJM อีกด้วย ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP เร่งทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร ประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยอดขายสำหรับกลุ่มสินค้าประเภทกล่องใส่อาหารเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไลฟ์สไตส์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เน้นการสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง EPP สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมได้มากขึ้นด้วยมีการรับรองมาตรฐานความสะอาดและปลอดภัยทางด้านอาหาร จากองค์กรชั้นนำหลายแห่งเช่น HACCP/ GMP และ BRC เป็นต้น ทั้งนี้ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 62/63 (เม.ย.-ธ.ค.62) บริษัทมีรายได้จากการขาย 7,862.5 ล้านบาท ลดลง 2.3% มีกำไรสุทธิ 754.7 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากงวด 9 เดือนของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 3 ปี 62/63 (ต.ค.62-ธ.ค.62) มีรายได้จากการขาย 2,427.7 ล้านบาท ลดลง 11.4% และมีกำไรสุทธิ 213.4 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company)โดยมีธุรกิจหลักคือ ฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS และบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ EPP ทั้ง 3 ธุรกิจ ประสบความสำเร็จและเติบโตได้ด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ เป็นผู้นำทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ มีโรงงานรวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก