วันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมาพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ตร.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้มีการสั่งการให้กำชับ ให้ทุกสถานีตำรวจในจังหวัดชัยภูมิ ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติ โดยให้ทุกสถานีป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรม โดยเฉพาะสถานีตำรวจช่องสามหมอที่มีพื้นที่ติดต่อเขตชายแดนที่มีความเสี่ยง และต้องเฝ้าระวังการลักลอบขนย้ายหรือเคลื่อนย้ายทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายผ่านพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทางด้านพ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว สว.สภ.ช่องสามหมอ จึงให้ ร.ต.อ.ศิวกร พิบูลย์ รอง สวป.หน.ชุด พร้อมกำลังพล รวม 7 นาย ตั้งด่านเพื่อป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดทุกรูปแบบ ก่อนที่จะสังเกตุเห็นรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโลเลต แค๊ปสีดำ ป้ายทะเบียน ผพ 4292 ขอนแก่น ขับขี่มาท่าทางมีพิรุธจึงได้เรียกขอตรวจค้นเมื่อทำการตรวจค้นถึงกับต้องพงะเมื่อพบกล้วยไม้ป่าจำนวนมหาศาล อยู่เต็มหลังกระบะและภายในแค็ปรถดังกล่าว จึงได้ประสานจนท.จากทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมาช่วยตรวจสอบ เบื้องต้นทราบชื่อผู้ต้องหา คือนายภูสิทธิ์ อายุ 43 ปี และนางนุชจิรดา อายุ 42 ปี ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันประชาชนชาว จ.สกลนคร พร้อมของกลางประกอบด้วย 1.)กล้วยไม้ป่า กระเช้าสีดา จำนวน 73 ต้น 2.)กล้วยไม้ป่าชนิดต่างๆ จำนวน 1,159 ต้น พร้อมรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการขนซึ่งเป็นรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโลเลต แค๊ปสีดำ ป้ายทะเบียน ผพ 4292 หมวดจังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 คัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้รับว่าได้ซื้อกล้วยไม้ชนิดต่างๆ มาจากท้องที่จังหวัดเลยและจังหวัดขอนแก่น เพื่อจะนำไปวางขายที่ตลาดนัดเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยทำมาแล้วจำนวน 4 ครั้ง โดยจะเปลี่ยนเส้นทางขนส่งตลอดแต่ก็เพิ่งจะมาใช้เส้นทางผ่านด่าน สภ.ช่องสามหมอ จ.ชัยภูมิเป็นครั้งแรกแต่ก็ต้องโดนจับได้คือเก่า และจะนำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปทำการขยายผลพร้อมทั้งสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อเป็นข้อมูลและควานหาผู้ร่วมขบวนการที่แท้จริงก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งมอบให้ เจ้าหน้าที่เพื่อทำการสอบสวนดำเนินคดี ส่วนมูลค่าความเสียหายในครั้ง คาดว่ามีค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ ได้สั่งการให้ชุดจับกุมทำการสืบสวนขยายผล เพื่อพิสูจน์ทราบหาผู้ร่วมขบวนว่ามีผู้ร่วมขบวนการในครั้งนี้หรือไม่อย่างไร และขอเตือนไปยังผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ให้เลิกความคิดเพราะหากเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลจะเข้าดำเนินการกวาดล้างจับกุมอย่างเด็ดขาด ส่วนประชาชนที่พบเห็นหรือรู้เบาะแสการกระทำความผิดสามารถส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ผ่านช่องทาง 191 ได้ตลอด 24 ชม.และจะดำเนินคดีเกี่ยวกับผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่าต่อไปอีกด้วย