นับตั้งแต่บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด ได้เริ่มต้นโครงการผลิตไวน์เมื่อปี 2544 ก็ได้ มอนซูน แวลลีย์ ไวน์สัญชาติไทย ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศและระดับสากลในฐานะไวน์คุณภาพเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมีรางวัลจากระดับนานาชาติเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นไวน์ชั้นเลิศจากเวทีประกวดไวน์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งในเรื่องนี้ นายเฉลิม อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด และผู้ก่อตั้ง บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด ได้สะท้อนแผนการทำงานได้อย่างน่าสนใจ ทางเลือกของคนไทย โดย นายเฉลิม อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด และผู้ก่อตั้ง บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด กล่าวว่า บริษัท สยามไวเนอรี่ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไวน์ มอนซูน แวลลีย์ ไวน์คูลเลอร์ยี่ห้อสบาย และสปายไวน์คูลเลอร์ ซึ่งเครื่องดื่มที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งของบริษัทจะเป็น สปายไวน์คูลเลอร์ รองลงมาจะเป็นไวน์ มอนซูน แวลลีย์ และสปายค๊อกเทลตามลำดับ ในส่วนของไวน์ มอนซูน แวลลีย์ในแต่ละปีผลิตได้ประมาณ 3 แสนขวด หรือ 80% โดยมีรุ่นคลาสสิก และพรีเมี่ยมส่งออกไปต่างประเทศอย่างเดียว เช่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และประเทศญี่ปุ่น ส่วนอีก 20% จะเป็นการนำเข้าไวน์จากต่างประเทศ ทั้งนี้การสร้างอุตสาหกรรมไวน์ไทยภายใต้ชื่อ มอนซูน แวลลีย์ มีแรงบันดาลใจในการที่จะทำให้เกษตรกรปลูกพืชที่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้ไวน์เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภคไทย จึงเป็นที่มาของ บริษัท สยาม ไวเนอรี่ ที่นำสมุนไพรไทย ผสมเข้ากับแอลกอฮอล์อ่อนๆ จนกลายเป็นส่วนประกอบที่ลงตัวเหมาะกับลิ้นของคนไทย รวมไปถึงภูมิอากาศร้อนอบอ้าว เป็นการเปิดประสาทการรับรู้รสของคนไทยเกี่ยวกับรสชาติไวน์ในที่สุด ซึ่ง มอนซูน แวลลีย์ เป็นไวน์ไทยคุณภาพพรีเมี่ยมที่ผลิตจากองุ่นซึ่งคัดสรรมาอย่างดี ปลูกโดยเกษตรกรไทย พร้อมเทคโนโลยีและวิทยาการในการผลิตไวน์ที่ทันสมัย ควบคุมการผลิตโดยคนไทย ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยส่วนผสมจากจิตวิญญาณและหัวใจของทีมงาน จนได้เป็นไวน์รสชาติโดดเด่นลงตัวกับอาหารรสเลิศในหลากหลายเมนู สร้างสมดุลในรสชาติ อีกทั้ง นายเฉลิม กล่าวว่า มีอุปกรณ์ พร้อมเครื่องมือผลิตไวน์ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุด ในจังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะเริ่มค้าขายไวน์ให้กับนักท่องเที่ยว และได้ร่วมกับพันธมิตรร้านอาหารไทยที่มีรสชาติเผ็ดร้อน และเป็นแนวตะวันออก เพื่อนำไวน์ไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ควบคู่ไปกับพัฒนาการผลิตไวน์ด้วยองุ่นจากไร่องุ่นมอนซูน แวลลีย์ วินยาร์ด ที่หัวหิน ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศสามารถปลูกองุ่นสายพันธุ์ต่างๆ จากทั่วโลก จนมีวัตถุดิบหลากหลายในการผลิตไวน์ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สามารถคว้า 300 รางวัลจากเวทีประกวดไวน์ระดับโลก พร้อมกันนี้ได้มีการเปิดตัว มอนซูน แวลลีย์ ไวน์ บาร์ เพื่อเป็นที่รวบรวมไวน์ระดับพรีเมี่ยม และอาหารหลากหลายเมนูจากทั่วโลก ให้นักชิมและผู้หลงใหลในไวน์ได้ลิ้มรสชาติอันแสนพิเศษ ใจกลางเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในบรรยากาศแบบ วินยาร์ด ไวน์ รูม เป็นการบริการไวน์ชั้นเลิศในคอลเลคชั่นต่างๆ ของ มอนซูน แวลลีย์ และไวน์ในพอร์ตโฟลิโอทุกตัวของสยาม ไวน์เนอรี่ เพื่อให้นักชิมไวน์เข้าถึงรสชาติอันเป็นที่สุดได้ง่ายขึ้น "การจับคู่ไวน์และอาหารที่ดีนั้นต้องให้ความสำคัญกับความสมดุลในเรื่องรสชาติของอาหารและไวน์เป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วไวน์แต่ละประเภทต่างก็มีความเหมาะสมกับอาหารที่แตกต่างกันไป จึงพยายามสร้างสรรค์ มอนซูน แวลลีย์ ทุกขวดให้เป็นไวน์ไทยคุณภาพพรีเมี่ยมรสชาติโดดเด่นหอมนุ่มที่ช่วยส่งเสริมรสชาติของอาหารอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความสุนทรีย์ให้ทุกมื้ออาหารเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจของคนรักไวน์ทุกคน" โดยมีอาหารชั้นเลิศทั้งเมนูไทยและนานาชาติให้ได้ลิ้มรส พร้อมบริการ ไวน์ เทสติ้ง จากพนักงานที่พร้อมต้อนรับและบริการ ในบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง สบายๆสไตล์เมืองพักผ่อนอย่างหัวหิน จึงทำให้ มอนซูน แวลลีย์ ไวน์ บาร์ ได้สร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าประทับใจ และเป็นที่ แฮงค์เอาต์แห่งใหม่ให้กับคนรักไวน์ได้อย่างดีเยี่ยม คืนกำไรให้กับสังคม อย่างไรก็ตาม นายเฉลิม ยังกล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯมีแผนจัดตั้งโรงเรียนสอนหลักสูตรเกี่ยวกับไวน์ในกรุงเทพฯ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยหรือกลุ่มเทรดและคอนซูเมอร์ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับไวน์ อาทิ กลุ่มโรงแรมที่ต้องการส่งพนักงานมาเรียนหลักสูตรไวน์ เป็นต้น ซึ่งหลักสูตรการเรียนสอนจะมาจากประเทศอังกฤษและในแต่ละปีจะเปิดคอร์สการเรียน 2-3 ครั้ง โดยในแต่ละคอร์สจะรับนักเรียนประมาณ 30 คน อีกทั้งกลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ ได้ดำเนินโครงการทดลองพัฒนาโพรงรังเทียมของนกเงือกจากถังไวน์เก่า นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ในหลายพื้นที่ อาทิ ในป่าบริเวณไร่องุ่นมอนซูน แวลลีย์ ของบริษัท สยาม ไวเนอรี่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สถานีวิจัยสัตว์ป่า ป่าพรุ ป่าฮาลา-บาลา ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส สวนป่าพระนามาภิไธย ภาคใต้ ส่วนที่ 2 (ตชด.ที่ 445 จ.ยะลา) ในอุทยานแห่งชาติบางลาง อำเภอธารโต จังหวัดยะลา อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โครงการพระราชดำริสวนป่าหาดทรายใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งหลังจากติดตั้งโพรงรังเทียมของนกเงือกจากถังไวน์เก่าในป่าธรรมชาติหลายพื้นที่ มีนกเงือกเข้าทำรังต่อเนื่อง เป็นการสร้างสมดุลแก่ผืนป่าทั่วประเทศ เพราะข้อมูลจากมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือกระบุ ว่า นกเงือก คือ นกปลูกป่าตัวจริง จากการกินผลไม้ป่าเป็นอาหารหลักมากกว่า 100 ชนิด และแต่ละตัวจะกินผลไม้มากถึง 100 เมล็ดต่อวัน การกินแล้วคายเมล็ดทิ้งในป่าของนกเงือกจึงเป็นการปลูกป่าโดยธรรมชาติ แม้เมล็ดพันธุ์ที่คายออกมาจะมีโอกาสงอกเป็นกล้าไม้และเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ได้เพียงร้อยละ 5 แต่ด้วยปริมาณการกินและคายที่มากก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งพฤติกรรมการบินในระยะทางที่ไกลของนกเงือกยังทำให้มีโอกาสในการนำพาเมล็ดพันธุ์ต้นไม้จากผืนป่าหนึ่งไปกระจายพันธุ์ยังถิ่นอื่นด้วย ฉะนั้นการคงอยู่และเพิ่มขึ้นของจำนวนนกเงือกจึงนับว่าเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าได้เป็นอย่างดี