จากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งปัจจุบันมีชื่อใหม่ว่า โควิด 19 (COVID-19) ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศจีน และขยายวงกว้างไปอีก 27 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งยังพบการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อของไวรัสนี้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 4 ก.พ.63 มีคนไทย 138 คน เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสนี้ เดินทางกลับประเทศไทย และเข้ามาเฝ้าดูอาการในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นเวลา 14 วัน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาล ที่มีศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยตลอดระยะเวลา 14 วันนั้น เมื่อวันที่ 17 ก.พ.63 พลเรือตรี เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ ได้มอบหมายให้ นาวาเอกนายแพทย์ ณัฐศักดิ์ วรเจริญศรี ประธานควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ ในโรงพยาบาลฯ เปิดเผยถึงวิธีการชะลอและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยเน้นการคัดกรอง ด้วยการปิดช่องทางการเข้า-ออก อาคารผู้ป่วยจากที่มีหลายช่องทางให้เหลือเพียง 3 ช่องทาง บุคคลากรของโรงพยาบาลและผู้มาใช้บริการจะต้องผ่านจุดคัดกรองนี้ทั้งสิ้น นาวาเอกนายแพทย์ ณัฐศักดิ์ เปิดเผยว่าแนวทางการปฏิบัติของโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ หลังจากผู้ที่เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ทางโรงพยาบาลฯ ได้ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ 2 ระยะ ระยะแรกเป็นรับคนไข้ซึ่งมีอาการผิดปกติจากบนเครื่องบินนำมาสังเกตอาการ ที่ผ่านมาพบว่า 4 ราย ที่อยู่ในโรงพยาบาล ไม่มีโรคโคโรน่าไวรัส จึงได้ย้ายกลับไปพักอยู่ที่อาคารรับรองสัตหีบเรียบร้อยแล้ว ในภารกิจที่สองคือช่วงก่อนที่จะส่งน้องกลับบ้าน จะมีการตรวจ เรื่องของการคัดกรอง เพื่อหาเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในกลุ่มนี้ถ้ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ก็จะรับเข้ามารักษาตัวและสังเกตอาการในโรงพยาบาลฯ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้เตรียมห้องและที่พักไว้สำหรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้เรียบ ร้อยแล้วและมีความพร้อมสำหรับการเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว ในส่วนของการจัดระเบียบการคัดกรองของผู้มาใช้บริการ ในส่วนนี้ถือว่าเป็นมาตรการ ขั้นที่ 2 ในการควบคุมการแพร่ระบาด หลังจากที่มีผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และมีคนไทยส่วนหนึ่งไปสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อและมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ในการควบคุมการระบาดในระยะนี้ จำเป็นจะต้องคัดกรองผู้ป่วยซึ่งมีอาการระบบทางเดินหายใจ หรือมีประวัติเสี่ยง เข้ามาเพื่อตรวจคัดกรองให้ได้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดในวงกว้าง โดยได้จัดจุดคัดกรอง จากเดิมทางโรงพยาบาลมีทางเดินเข้า-ออก อยู่หลายทาง แต่ขณะนี้ได้ปรับให้เหลือเพียง 3 ช่องทาง เพื่อจะให้ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทุกรายที่จะเข้ามาในโรงพยาบาลฯ ได้รับการตรวจคัดกรอง เพื่อสร้างความมั่นใจ และที่สำคัญทางโรงพยาบาลฯ ต้องการ ที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้กับตัวผู้ป่วยว่า เมื่อมาโรงพยาบาลฯ แล้ว การปฏิบัติตัวเพื่อการป้องกันโรคที่เหมาะสมทั้งในส่วนของผู้ป่วยและญาตินั้นควรเป็นอย่างไร เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์การระบาดในครั้งต่อๆไป มีความเบาบางลดลง สำหรับผู้ที่อาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการบริการ ทางโรงพยาบาลฯ ต้องขออภัยอย่างสูง เนื่องจากเราต้องการปรับระบบและต้องการที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน หลังจากนี้ในการเฝ้าติดตาม แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและผู้รับบริการทุกคน จึงขอความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันในครั้งนี้ด้วย และยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ป่วยและสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญของการแพร่ระบาด หรือมีอาการป่วยที่เข้าได้กับโคโรน่าไวรัส ซึ่งมีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก หายใจหอบเหนื่อย และมีประวัติการเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ที่ขยายวงกว้างไปประเทศจีน มาเก๊า ไต้หวัน ฮ่องกง แล้วนั้น ในช่วงระยะเวลา 14 วัน จะต้องตระหนักรู้ว่าท่านเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงและควรมาตรวจคัดกรองอาการ เมื่อมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น นอกจากนั้นแล้วการป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งอาจไม่ได้มาจากโรคไวรัสโคโรน่าอย่างเดียว เรื่องของไข้หวัดใหญ่ ไข้ติดเชื้อไวรัส อื่นๆ ตามฤดูกาล ก็มีโอกาสเป็นได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้ผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวอยู่ในบ้าน การป้องกันเหล่านี้ไม่ดี ก็จะทำให้ติดเชื้อและอาจมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นได้ จึงขอฝากถึงทุกท่านที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ ขอให้ได้ตระหนักรู้และเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลฯ ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้บริการเรียบร้อยแล้ว นาวาเอกนายแพทย์ ณัฐศักดิ์ฯ ได้กล่าวในตอนท้าย พร้อมทั้งนำชมการดำเนินการตามจุดคัดกรองต่างๆ ภายในโรงพยาบาลฯ อีกด้วย