“EIC”หั่นจีดีพีปีนี้เหลือโต 1.8% จากเดิม 2.1% เนื่องจากไวรัสโควิด-19 กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ลดคาดการณ์ GDP ปีนี้เหลือโต 1.8% จากเดิม 2.1% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) มีแนวโน้มรุนแรงและน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้เดิมผ่านการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังอาจส่งผลต่อการลดลงของการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยของคนไทยอีกด้วย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากเรื่อง Supply chain disruption ที่อาจส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวของการส่งออกไทยเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ EIC ระบุว่า ตัวเลข GDP ล่าสุดบ่งชี้ความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่มีมากขึ้น โดยแม้ GDP ในภาพรวมจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค แต่มีหลายภาคเศรษฐกิจที่สำคัญเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้วเช่น ภาคการส่งออกสินค้า การลงทุนภาครัฐทั้งในส่วนของการก่อสร้างและเครื่องมือเครื่องจักร และการบริโภคสินค้ายานยนต์ การก่อสร้าง และการเกษตร โดย EIC ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยช่วงไตรมาส 1/2563 จะชะลอลงอย่างมากจากผลกระทบ COVID-19 ในกรณีฐาน คาดว่าสถานการณ์ COVID-19 จะใช้เวลาประมาณ 5 เดือนก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติในเดือนมิ.ย.63 ซึ่งผลกระทบจะมีมากสุดในช่วงไตรมาสแรกจากมาตรการที่เข้มงวดของทางการจีนในการควบคุมโรคที่ส่งผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการผลิตและการขนส่งสินค้าของจีน นอกจากนี้จากความล่าช้าของการอนุมัติงบประมาณยังส่งผลต่อการเบิกจ่ายเม็ดเงินของภาครัฐในช่วงไตรมาสแรก ทำให้คาดว่า GDP ไทยไตรมาสแรกจะชะลอลงมากสุดก่อนที่จะค่อยๆฟื้นตัวระยะถัดไป อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจในปี 2563 ซึ่งจะต้องติดตามลักษณะและขนาดของมาตรการอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่ EIC คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องที่ 1.00% ในช่วงที่เหลือของปี 2563 จากขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดขึ้น และอาจหันไปพึ่งมาตรการด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น โดย กนง.ให้ความสำคัญต่อการใช้มาตรการด้านอื่นๆที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และอาจรอประเมินผลกระทบจากมาตรการเหล่านั้นต่อภาคเศรษฐกิจจริงก่อน สำหรับ EIC ปรับประมาณการค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 30-31 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมที่ 29.50-30.50 บาท/ดอลลาร์ จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าที่คาดไว้เดิมและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโลก ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับเกินดุลน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม