ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบ คาบสมุทรสทิงพระ ได้ยื่นหนังสือร้องขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาน้ำเค็มรุกน้ำจืด และปัญหาน้ำจืดไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ข้อเสนอสร้างประตูกั้นน้ำเค็มที่เรื้อรังมากว่า 40 ปี ถูกยกมาอีกครั้ง ใส่มือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากความเดิมที่ยังมีข้อโต้แย้งไม่เอาประตูจากประเด็นกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับข้อเสนอพิจารณาดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำกั้นน้ำเค็มทะเลสาบสงขลา ช่วยเหลือพื้นที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ในการหารือ ได้ชี้แจงถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 40 ปีทั้งเชิงอนุรักษ์และเชิงการพัฒนา โดยเฉพาะโครงการทำแนวคันกั้นน้ำเค็มนั้น ที่ผ่านมากรมชลฯได้มีการศึกษาความเหมาะสมร่วมกับรัฐบาลเนเธอแลนด์ไว้ตั้งแต่ปี 2514 หาแนวที่เหมาะสม แต่ขณะนั้นคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาไม่เห็นด้วย จนต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกโครงการปี 2549 และให้พิจารณาหาทางเลือกอื่นร่วมทั้งการปรับเปลี่ยนอาชีพหรือการส่งเสริมการเกษตรใช้น้ำน้อยกับเกษตรกรในพื้นที่ การศึกษาโครงการคันกั้นน้ำเค็มทะเลสาบสงขลา เดิมเสนอไว้ 3 แห่ง คือ SiteA เกาะใหญ่-แหลมจองถนน SiteB เกาะโคป-ปากพะยูน SiteC ปากรอ ต่อมาในปี 2527 ถึงปี 2548 ได้มีการศึกษาถึง ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการมาโดยตลอด ผลการศึกษาและสำรวจ พบว่า โครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำเค็มบริเวณSiteA มีความเหมาะสมที่สุดรองลงมาคือ SiteC ต่อมาในปี 2553-2555 กรมชลฯ ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในด้านต่างๆ และได้เสนอโครงการบริหารจัดการน้ำคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย และปัญหาขาดแคลนน้ำ พร้อมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ ปัจจุบันโครงการบริหารจัดการน้ำคาบสมุทรสทิงพระ คืบหน้าแล้ว 60 % “กรมชลฯ ได้รับข้อสั่งการของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ลงพื้นที่เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ให้เร่งแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนเพื่อใช้เก็บน้ำในฤดูฝนที่จะถึงโดยการเพิ่มศักยภาพเก็บน้ำจืดในพื้นที่ที่สามารถทำได้ทันที โดยกรมชลฯมีแผนขุดลอกคลองในพื้นที่ชลประทานอยู่ในพรบ.งบประมาณปี 2563 และแผนงานเพิ่มเติมปี 63 จำนวน 61 สายคลอง สามารถรองรับน้ำและเก็บน้ำได้อีกประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สำหรับระยะกลางจะสำรวจออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ ขยายคลองให้กว้างขึ้น รวมทั้งแก้มลิง ตระพัง นอกเขตพื้นที่ชลประทาน คาดว่าจะมีน้ำจากแหล่งเหล่านี้เพิ่มอีกประมาณ 25 ล้านลบ.ม. ซึ่งหากจำเป็นต้องซื้อที่ดินก็ให้ดำเนินการได้ตามที่ รมว.เกษตรฯได้มีบัญชาไว้ ส่วนในระยะยาวจะมีการสำรวจแหล่งน้ำเพิ่มและระบบควบคุมน้ำเชื่อมแหล่งน้ำในทะเลสาบ แต่กรณีข้อเสนอใหม่ทำประตูกั้นน้ำเค็มเป็นเรื่องที่ต้องหารือกับฝ่ายนโยบายและประชาชน โดยจะต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการก่อสร้างอย่างรอบด้านและครอบคลุมในทุกมิติต่อไป“นายประพิศ กล่าว ด้านนายถาวร แซ่อิ้ว กรรมการลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาด้านเกษตรกรรม กล่าวว่า ประชาชนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลากว่า300 คนได้ยื่นหนังสือต่อนายรมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้มีการศึกษาการทำคันกั้นน้ำเค็มขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพราะประชาชนเริ่มเจอน้ำเค็มรุกซ้ำซาก หลังจากเคยยุติไป แต่ปัจจุบันคนในพื้นที่เห็นแล้วว่าเกิดปัญหาน้ำเค็มรุกจริงโดยเฉพาะใน 3 ปีที่ผ่านมากระทบต่อประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ร่วมกว่า 5 แสนไร่ เสียหายต่อเศรษฐกิจปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาทเพราะน้ำเค็มรุกถึงทะเลน้อย ถึงพรุควนเคร็ง กระทบพื้นที่เกษตร นาข้าวในระโนด ความเค็มเมื่อ 14 ก.พ.63 สูงถึง 8 กรัมต่อลิตร ซึ่งเครือข่ายจึงอยากให้รัฐมองเห็นความทุกข์กับการเจอน้ำเค็มในระดับนี้จึงได้ยื่นหนังสือต่อภาครัฐ