นายสุพล ชัยฉลาด อายุ 83ปี บ้านหนองระฆัง อ.สนม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นตาของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ ) อายุ10ขวบ หลานชาย ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.สุรินทร์ ได้เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ชูโฉมงาม พนักงานสอบสวนเวร สภ.สนม จ.สุรินทร์หลังจากที่ถูก ผอ.โรงเรียนเรียกไปที่ห้องและได้ใช้ไม้ระแนงตีหลายครั้งถูกที่ด้านหลังศรีษะ แขน เป็นเหตุให้มีรอยช้ำศรีษะ แตกยาวประมาณ 10 เซนติเมตร วันนี้(17ก.พ.63)เวลา09.00น.ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.สุรินทร์ ได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษาคณะกรรมการโรงเรียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังจากที่ได้รับทราบข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประชุมกันภายในโรงเรียนดังกล่าวซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกันในห้องประชุมโดยมีผอ.โรงเรียนฯ เข้าฟังอยู่ด้วยโดยเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริงตามที่ผู้ร้องเรียนได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สนม ด้านนาย สุพล ชัยฉลาดอายุ 83 ปี ได้กล่าวในที่ประชุมว่าตนเองได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สนมเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ตนเองได้ทราบจากหลานของตนเองได้ถูก ผอ.ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บประกอบกับศรีษะมีร่องรอยบาดแผลที่ถูก ผอ.ใช้ไม้ระแนงตีจนบอบซ้ำไปทั้งตัวซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าที่จะเกิดขึ้นในยุคแบบนี้ลูกหลานผมไม่เคยลงไม้ลงมือตีถึงขนาดนี้แต่ตนเองเห็นว่าถึงเป็นแบบนี้แล้วตนเองคงจะต้องหาที่เรียนให้กับหลานตัวเองใหม่ ทางด้านผอ.โรงเรียนฯ กล่าวว่าตนเองยอมรับที่ได้ลงไม้ลงมือไปตีเด็กเพราะตนเองทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) ที่มาโรงเรียนแต่ละครั้งชอบมาหาเรื่องให้กับเพื่อนๆในห้องเรียนซึ่งวันหนึ่งๆจะมีเรื่องถึง3ครั้งเลยทีเดียวบางครั้งตนเองโมโหถึงต้องบอกไปว่าดื้อๆแบบนี้ต้องตีให้ตายพร้อมกับนำตับไปแกล้มเหล้าซึ่งตนเองได้พูดออกไปจริงจนกระทั่งเด็กไม่กล้ามาโรงเรียนถึง3วันเลยทีเดียว ทางด้าน นางณัสุรีย์ อนุศาสนัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สุรินทร์ ได้เดินทางเข้ามาสอบถามกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนประกอบกับเด็กที่กำลังเรียนยังดื้อแต่เราควรหาทางออกให้เขาที่ดีกว่านี้ถ้าหากว่าเขาต้องการเรียนด้านการกีฬาก็ควรจะนำเข้าไปศึกษากับโรงเรียนที่เขาถนัดในวิชาที่เขาชอบซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทางผู้ปกครองควรเข้าใจกับกับปัญหาของลูกหลานของตนเองและเอาใจใส่ในการเรียนมากกว่านี้แต่ที่ตนเองพร้อมคณะที่เดินทางมาวันนี้ก็อยากให้ทั้งฝ่ายผู้ปกครองและครูได้ทำความเข้าใจกันและให้อภัยกันส่วนในเรื่องของคดีนั้นก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเป็นขั้นตอนของกฏหมาย ทางด้านผู้ใช้เพซบุ๊กที่ใช้ ชื่อ ศิริโรจน์ ชัยฉลาด ซึ่งเป็นป้าของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ ) ก็ได้เดินทางเข้ามารับฟังในการประชุมในครั้งนี้และตนเองได้บอกว่าตนเองรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะหลานของตนเองนั้นพ่อและแม่แยกทางกันมานานทำให้ตนและลุงป้าน้าอาได้ดูแลลูกหลานที่ตนโพสต์ออกไปนั้นเป็นความจริงเพราะตนเองไม่รู้จะไปอธิบายกับใครครอบครัวของเรามันจนใครจะมองอย่างไรก็ได้แต่ตนเองไม่เห็นด้วยกับการที่ผอ.ที่ได้ใช้ความรุนแรงถึงขนาดนี้ถือว่าแรงมากซึ่งตนเองได้เดินทางไปแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.สนม แล้วคาดว่าพนักงานสอบสวนคงต้องเรียก ผอ.โรงเรียน เข้าไปพบเร็วๆนี้