ญาติหนุ่มครูสอนคอมฯ ร้องคดีไม่คืบ ถูกแก๊งเจ้าถิ่นรุมตื้บสลบ ล่าสุดผ่าตัดสมอง วอนตำรวจล่าตัว เชื่อก่อเหตุแก๊งโจ๋อวดศักดา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณี มีญาติ รวมถึงพ่อแม่ ผู้เสียหาย ออกมาร้องทุกข์ผ่านสื่อ รวมถึงนำข้อมูลมาเผยแพร่ผ่านโซเชียล กรณี นายวีระพงศ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเสาเล้าใหญ่ ต.โพนสวรรค์ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ทำงานเป็นครูอัตราจ้าง สอนคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.นครพนม ภายหลังไปเที่ยวงานบุญประจำปี งานนมัสการพระธาตุจำปา ที่ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เมื่อคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา จนกระทั่งขากลับได้ ผู้เสียหาย ได้ขับรถจักรยานยนต์ ออกมาจากงาน เพื่อกลับบ้าน โดยมี น.ส.ศศิธร อายุ 20 ปี เพื่อนสาว ซ้อนรถจักรยานยนต์มาด้วย พอถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณถนนหลัก ในเขตเทศบาลตำบลโพนสวรรค์ เยื้องกับทางเข้าโรงพยาบาลอำเภอท่าอุเทน ฝั่งมุ่งหน้าไปยัง อ.ท่าอุเทน ได้มีกลุ่มวัยรุ่น ขับรถจักรยานยนต์ ตามมา ประมาณ 3-4 คัน จากนั้นได้ พยายามประกบผู้เสียหาย ตะโกนให้จอดรถ พร้อมขู่ว่าจะถีบรถหากไม่จอด ทำให้ ผู้เสียหาย จอดรถพูดคุย แต่กลุ่มวัยรุ่น ที่ตามมาประมาณ 5 -6 คน ได้เข้ามารุมทำร้ายชกต่อย และนำหมวกกันน็อก ของผู้เสียหาย ทุบตีศีรษะ จนสลบคาที่ ก่อนพากันหลบหนีไป จากนั้น ทางเพื่อนที่นั่งมาด้วย จึงประสานเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านมาช่วยเหลือส่งโรงพยาบาล ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการทุบตี จนเลือดคลั่งในสมอง ต้องได้รับการผ่าตัด และถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนครพนม ภายหลัง ทาง นายสวาสดี อายุ 58 ปี พร้อมด้วย นางอ๊อด อายุ 68 ปี พ่อแม่ ผู้เสียหาย และ น.ส.ศศิธร เพื่อนสาว ได้ เข้าแจ้งความร้องทุกขืกับตำรวจ สภ.โพนสวรรค์ หลังเกิดเหตุในคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 จนกระทั่งผ่านมา ร่วมสัปดาห์ คดีไม่คืบหน้า ทางญาติผู้เสียหาย จึงได้ออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ และเรียกร้องหน่วยงานเกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลช่วยเหลือ เกรงว่าผู้ก่อเหตุจะลอยนวล อีกทั้งหลบหนี ล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลทางด้าน ร.ต.อ.ฉัตรชัย กองพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.โพนสวรรค์ ระบุว่า เกี่ยวกับการดำเนินคดี ทางตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมหลักฐานตามขั้นตอน ขณะนี้รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว จำนวน 5 ราย ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐาน และจะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันพรุ่งนี้ หากไม่มาจะต้องรวบรวมหลักฐานเสนอศาลพิจารณาออกหมายจับ ตามขั้นตอน ทางตำรวจยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ ทางด้าน น.ส.ศศิธร เพื่อนสาว ออกมายืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงเข้าไปเที่ยงงานไปนั่งกินข้าว เที่ยวงาน ตามประสากับเพื่อนๆ กันหลายคน ในร้านค้าที่เปิดขึ้นในงานบุญ แต่ไม่ได้มีเรื่อง มีปากเสียงกับใครในงาน รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ จนกระทั่งมาเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น มาประกบให้หยุดรถ ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีปัญหากับใคร ตนจึงให้ผู้เสียหายที่บาดเจ็บหยุดรถจักรยานยนต์ เกรงว่าจะถูกถีบรถ แต่พอหยุดรถยังไม่ได้พูดคุยกับถูกทำร้ายแบบหมาหมู่ แต่มีวัยรุ่นที่ก่อตุตนรู้จัก เนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้านละแวกนั้น ส่วนสาเหตุตนเชื่อว่าน่าจะมาจาก กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวอวดศักดา และแสดงความเป็นเจ้าถิ่น และอาจไม่พอใจ ที่เห็นคนเจ็บมาเที่ยวด้วย และขับรถจักรยานยนต์ไปรับเที่ยวงาน จึงเกิดความไม่พอใจ จากสาเหตุที่มีคนในกลุ่มเคยมาจีบตน ทำให้พยายามแสดงความเป็นเจ้าถิ่น อีกทั้ง วัยรุ่นกลุ่มนี้จะชอบอวดศักดา ก่อเหตุบ่อย ครั้ง จึงอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดี และให้ความเป็นธรรมคนเจ็บ ด้าน นายสวาสดี พร้อมด้วย นางอ๊อด พ่อแม่ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนอยากให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ติดตามเร่งรัดคดี เพราะลูกชายตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหามีเรื่องกับใคร ที่ผ่านมา เป็นลุกชายคนเดียว ทำหน้าที่เสาหลัก ทำงาน ดูแลครอบครัว สุดท้ายต้องมาถูกทำร้ายจากกลุ่มวัยรุ่นอันธพาล โดยไม่รู้เรื่อง ตอนนี้อากาศยังสาหัสถึงขั้นผ่าตัดสมอง อยากให้ตำรวจ เร่งดำเนินคดี และรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะคดีล่าช้ามากผ่านไปหลายวัน ยังไม่มีการติดตามดำเนินคดี