กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2563 อย่างเป็นทางการ ขนทัพอากาศยาน นักบิน นักวิทยาศาสตร์ ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และพี่น้องประชาชน 11 หน่วยฯ ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2563 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ และอาสาสมัครฝนหลวง เข้าร่วมพิธี ณ สนามบินนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตามที่สถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 มีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จึงทำให้ส่งผลกระทบเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค น้ำเพื่อทำการเกษตร รวมถึงเขื่อน/อ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่มีปริมาณน้ำน้อย ในขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะหน่วยงานดูแลบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ เร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้รวดเร็วมากขึ้น จากปกติที่มีการเริ่มปฏิบัติการฝนหลวงในวันที่ 1 มีนาคมของทุกปี มาเป็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ในวันนี้ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำทั่วทั้งประเทศ รวมถึงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับระบบบริหารจัดการน้ำของประเทศด้วย
"ที่ผ่านมาได้ตั้งหน่วยฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติงานทุกวัน หากสภาพอากาศพร้อมขึ้นบินทันที เพื่อช่วยสร้างความชุ่มชื้น ขณะนี้เกือบทุกพื้นที่ ประสบปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งกรมฝนหลวงฯได้เข้าร่วมบูรณาทำงานแก้ไขปัญหากับทุกหน่วยงาน ในหลากหลายภารกิจทั้งบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 การเผาป่า หมอกควัน เผาเศษซากวัชพืช แม้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่ภูกระดึง ได้ให้ฝนหลวงได้เข้าร่วมดับไฟด้วย ทั้งนี้ได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรี ถึงภารกิจที่เพิ่มมากขึ้นและสภาพอากาศแปรปรวนโดยท่านนายกฯกำลังพิจารณา เพิ่มเครื่องบิน กำลังพล เพื่อการปฏิบัติการฝนหลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้เจ้าหน้าที่มีขวัญกำลังใจมากขึ้น รวมถึงสนธิกำลังกับ กองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาคประชาชน และอาสาสมัครฝนหลวง ซึ่งฝนหลวงทำงานทุกวันทุกเวลาที่มีโอกาส ฝากสื่อช่วยกระจายภารกิจ ฝนหลวง ให้ประชาชนรับรู้ จะเข้าใจรัฐบาล เราไม่ได้ทอดทิ้งใคร เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มกำลังความสามารถในการแก้ไขภัยแล้งมาเร็ว จากปกติจะเปิดปฏิบัติการฝนหลวงประมาณเดือนมี.ค.ปีนี้มีวิกฤติ เปิดการบินตั้งแต่เดือนก.พ.ฝนอาจจะตกไม่มาก สร้างความชุ่มชื้นให้แผ่นดินได้ ผมขอสดุดี การทุ่มเทของกรมฝนหลวงเพื่อประชาชน ถือว่าเป็นการทำงานปิดทองหลังพระ มาหลาย10ปี"รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว
ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำทั่วทั้งประเทศ รวมถึงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับระบบบริหารจัดการน้ำ ของประเทศ โดยน้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับในปี 2563 มีแผนปฏิบัติการประจำปีตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์-31 ตุลาคม 2563 ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 7 ศูนย์ ประกอบด้วยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยมีฐานเติมสารฝนหลวง 5 ฐาน เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือให้ครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำหลักในพื้นที่ 77 จังหวัด ตามแผนการดัดแปรสภาพอากาศ ดังนี้
1.ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน-2 กุมภาพันธ์ 2563 ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่มีการร้องขอ และบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ PM2.5 ใช้อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 6 ลำ
2.ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในระยะวันที่ 3-16 กุมภาพันธ์ 2563 ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่มีการร้องขอ และบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ PM2.5 ใช้อากาศยานรวมทั้งหมด 12 ลำ ได้แก่ อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 8 ลำ และอากาศยานของกองทัพอากาศ จำนวน 4 ลำ
3.ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป รวมจำนวน 11 หน่วยปฏิบัติการ ที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กาญจนบุรี ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และสุราษฎร์ธานี ใช้อากาศยานอากาศยานรวมทั้งหมด 29 ลำ ได้แก่ อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 22 ลำ อากาศยานของกองทัพอากาศ จำนวน 6 ลำ และอากาศยานของกองทัพบก จำนวน 1 ลำ โดยเปิดฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน ที่ จ.ตาก ลพบุรี สกลนคร จันทบุรี และสงขลา (หาดใหญ่)
"ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่ความเป็นมาโครงการฝนหลวง แผนปฏิบัติการฝนหลวง ช่องทางการติดตามข้อมูลข่าวสารกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และนิทรรศการของหน่วยงานร่วมบูรณาการจากกองทัพอากาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตลอดจนมีพิธีปล่อยคาราวานเครื่องบินฝนหลวง เพื่อออกปฏิบัติการ และไปประจำการทั้ง 5 ภูมิภาคอีกด้วย"อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าว