ส.ว.ตั้งกระทู้ถามความพร้อมมาตรการรับมือเหตุวิกฤต "พุทธพงษ์"จ่อจัดระเบียบสื่อ-ควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียในช่วงเกิดเหตุวิกฤต ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.ตั้งกระทู้ถามพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงมาตรการความพร้อมในการรับมือเหตุวิกฤติร้ายแรงในพื้นที่ต่างๆ ภายหลังเกิดเหตุกราดยิงที่จ.นครราชสีมาว่า สิ่งที่ประชาชนยังวิตกกังวลคาใจคือ แต่ละจังหวัดมีความพร้อมป้องกันภัยเหตุร้ายแรงในทุกด้านอย่างไร ขณะผู้ก่อเหตุเดียวยังเสียเวลาระงับเหตุมาก หามีผู้ก่อเหตุ 5-10 คน จะทำอย่างไร อาจจะยึดจังหวัดได้ รวมถึงมีมาตรการควบคุมอาวุธสงครามอย่างไร โดยเฉพาะกับหน่วยงานที่นำอาวุธสงครามนั้นมาใช้ โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า กรณีกราดยิงที่จ.โคราชเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นบทเรียนที่จะต้องมีมาตรการรองรับ ผวจ.ต้องไปกำหนดแนวทางป้องกันเหตุร้ายนี้ลักษณะนี้ เพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์ให้เร็วที่สุด เช่น หากสถานการณ์เกินเหตุอาจต้องให้ทหารมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน หรือถ้าบานปลายกว่านั้น อาจต้องใช้กฎหมายความมั่นคงเข้ามา ส่วนการนำอาวุธสงครามาใช้ก่อเหตุได้อย่างง่ายๆนั้น ปกติแล้วในกองร้อยจะแยกคลังอาวุธกับคลังกระสุนเก็บไว้คนละสถานที่ แต่ผู้ก่อเหตุเมื่อไปถึงก็ยิงเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าคลังอาวุธและคลังกระสุนเลย กะเอาให้ตายเพื่อเอาอาวุธและกระสุนออกมา จากนั้นได้ขับรถหนีมาและยิงกราดไปตลอดทาง ไม่ใช่เรื่องการบันดาลโทสะ แต่เป็นเรื่องทางสภาวะจิตใจ ไม่อยากให้โทษทหารในเรื่องที่เกิดขึ้นกระทุ้งจัดระเบียบสื่อไลฟ์สดเหตุวิกฤติ ขณะที่นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว.สอบถามเรื่องมาตรการควบคุมสื่อมวลชนในการเสนอข่าวช่วงเหตุการณ์วิกฤต โดยเฉพาะการไลฟ์สดเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้ความเคลื่อนไหวๆต่าง ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น อยากทราบว่ารัฐบาลจะมีมาตรการจัดการและกำกับสื่อมวลชนในสถานการณ์วิกฤตอย่างไร ซึ่งนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า ยอมรับว่าปัจจุบันการควบคุมจำกัดพื้นที่สื่อมีความยากลำบาก กรณีเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่จ.นครราชสีมา ถือเป็นครั้งแรกที่ทุกคนพยายามทำตัวเป็นสื่อ ขณะนี้สื่อแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ 1.สื่อหลักที่ได้รับอนุญาตการนำเสนอข่าวจากกสทช. 2.สื่อที่ไม่ได้ขออนุญาตจากใคร แค่มีคนติดตาม 100 คน ก็เรียกตัวเองว่าสื่อนำเสนอข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถือเป็นเรื่องอันตราย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จ.นครราชสีมาที่บางสื่อเสนอเนื้อหา ภาพไม่เหมาะสมนั้น รัฐบาลพยายามประสานไปยังเฟสบุ๊ก เพื่อให้ช่วยบล็อกหรือลบเนื้อหา รูปที่ไม่เหมาะสมเช่น รูปผู้เสียชีวิต หรือรูปการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเฟสบุ๊กก็ให้ความร่วมมือด้วยดี แต่รัฐบาลไม่มีกฎหมายที่จะไปดำเนินการลบหรือบล็อกเนื้อหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชน หลังจากนี้คงต้องไปหาวิธีจัดระเบียบสื่อและควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียในช่วงเกิดเหตุวิกฤติให้มีความเหมาะสม อาจจะต้องพิจารณาหาสื่อหลักของรัฐเพียงแห่งเดียวให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการนำเสนอข่าวช่วงเกิดเหตุการณ์วิกฤติ