ที่สนามกีฬามหาราช อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการ ศอ.บต. ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก และหัวหน้าส่วนราชการ มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสำคัญที่ต้องการส่งเสริมการส่งออก โดยเฉพาะการเร่งรัดตัวเลขการส่งออก ซึ่งมีส่วนที่จะช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ถ้าตัวเลขการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น การส่งออกที่ทำตัวเลขได้ดีที่สุด เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมประการหนึ่ง คือการที่จะต้องดำเนินการเพิ่มตัวเลขมูลค่าการค้าชายแดน โดยเฉพาะตัวเลขการค้าชายแดนไทยมาเลเซีย ที่มีตัวเลขการค้าชายแดนสูงที่สุดในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงต้องการเร่งรัดตัวเลขการค้าชายแดนให้เกิดขึ้น โดยจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนที่สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อต้องการให้ผู้นำเข้าชาวมาเลเซียได้ข้ามแดนมาทำสัญญาการซื้อขายสินค้าที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ เพื่อไปขายยังประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังช่วยให้การค้าบริเวณชายแดนในฝั่งไทยที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดชายแดนใต้มีตัวเลขมูลค่าเพิ่มขึ้น มีความคึกคัก รวมทั้งช่วยในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในการจัดงานทั้ง 4 วัน คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทในพื้นที่เล็กๆบริเวณนี้ หลังจากพิธีเปิดงาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เยี่ยมชมคูหาสินค้าของผู้ประกอบการ พร้อมพูดคุยกับผู้ประกอบการที่มาร่วมจำหน่ายสินค้าภายในงาน สำหรับการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 16 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าผู้ประกอบการ การสัมมนาให้ความรู้ด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ การประชุมหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย การลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่าง EXIM Bank , SME Bank ของไทยและประเทศมาเลเซีย การเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวสู่การส่งออก” ซึ่งจะเป็นการการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมและมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย