วันที่ 14 ก.พ.63 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.แถลงความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทย ว่า สืบเนื่องจากสื่อมวลชนบางสำนักได้นำเสนอข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีกล่าวหานักการเมืองชื่อดังรายหนึ่ง พร้อมพวกที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง และข้าราชการในกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในการจัดทำโครงการเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้งานเกี่ยวกับบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ วงเงิน 3,490 ล้านบาท ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย เฉพาะข้าราชการที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวแล้ว โดยนักการเมืองระดับชาติชื่อดังและอดีตข้าราชการระดับสูงที่ถูกกล่าวหาในกรณีนี้ มิได้ถูกชี้มูลความผิดแต่อย่างใด นอกจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาบางราย มีการประสานไปยังผู้บริหารระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ชะลอการพิจารณาผลสรุปการไต่สวนคดีดังกล่าวไว้ก่อน ทำให้ผลสรุปคดีนี้ต้องถูกเลื่อนออกไปจนกระทั่งต้นปี 2563 จึงมีการชี้มูลความผิดกรณีดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ช. จึงขอแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนทราบ ดังนี้ เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีการดำเนินโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประจำปี พ.ศ. 2553 – 2559 วงเงิน 3,490 ล้านบาทเศษ โดยมิชอบ ซึ่งมีนางสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ จากการไต่สวนข้อเท็จจริง พยานหลักฐานฟังได้ว่า เดิมกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2545 ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 ก่อนสิ้นสุดสัญญา นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอความเห็นชอบในหลักการโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย วงเงินงบประมาณ 3,490,845,673 บาท และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 กรมการปกครองได้ดำเนินการจัดหาโดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน (TOR) คณะกรรมการประกวดราคา คณะทำงานทดสอบทางเทคนิค และได้มีการจัดประชุมรับฟังคำชี้แจงและตอบข้อซักถาม ตามโครงการฯโดยในการเสนอราคามีบริษัทผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและยื่นเอกสารครบถ้วนจำนวน 2 บริษัท และเมื่อมีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว จะต้องทำการทดสอบ (BENCHMARK)ตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าระบบเครื่องที่ผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอมานั้นสามารถสนับสนุนระบบงานการให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนได้ตามที่กำหนดไว้ในขอบเขตของงาน (TOR) โดยในการทดสอบต้องใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์ COS จำลองซึ่งเป็นฐานข้อมูลจำลองเพื่อใช้ในการทดสอบ ปรากฏว่าคณะทำงานทดสอบทางด้านเทคนิค ทำการทดสอบทางด้านเทคนิคโดยไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ COS จำลองที่จะใช้ในการทดสอบ จึงเป็นการทดสอบไม่เป็นไปตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนด คณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน (TOR) จึงได้มีบันทึกโต้แย้งว่าการทดสอบด้านเทคนิคไม่เป็นไปตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดไว้ นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง กรมการปกครอง ได้นำบันทึกข้อความขออนุมัติเช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบ ตามโครงการ เสนอให้นายกองเอก วิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง พิจารณาลงนามในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการปกครอง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 (อธิบดีกรมการปกครองไปราชการต่างประเทศ) เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาอนุมัติแต่เมื่อสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องดังกล่าวแล้วจึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและได้ดำเนินการทดสอบ (BENCHMARK) อีกครั้ง ตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดไว้ ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2553 กองคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอให้ นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามเห็นชอบผลการประกวดราคา และเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาอนุมัติ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงนามเห็นชอบผลการประกวดราคา และอนุมัติโครงการฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2553 และการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในการให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประชาชนแบบใหม่สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้ 1. กรณีกล่าวหา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เมื่อครั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย นั้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้ดำเนินการการตรวจสอบความถูกต้องก่อนการลงนามเห็นชอบผลการประกวดราคาและลงนามอนุมัติแล้ว พยานหลักฐานจึงยังฟังไม่ได้ว่ากระทำผิดตามข้อกล่าวหา 2. กรณีกล่าวหานายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้อำนวยการกองคลัง กรมการปกครอง และนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองอธิบดีกรมการปกครองนั้น เห็นว่านายธีรวัฒน์ฯ ได้เสนอบันทึกฯ ให้นายกองเอกวิลาศฯ พิจารณาเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายกองเอกวิลาศฯ ได้ลงนามในบันทึกขออนุมัติเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบตามโครงการฯ เพื่อเสนอปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้รักษาราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทั้งที่การทดสอบทางเทคนิคไม่เป็นตามเงื่อนไขตามขอบเขตของงาน (TOR) การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง จึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 3. กรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประกวดราคา และคณะทำงานทางด้านเทคนิค เห็นว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงานทางด้านเทคนิคซึ่งประกอบด้วย นายประวีณ แจ่มศักดิ์ นายทรงพล อารมณ์ชื่น นายสมเกียรติ อุดมเรณู นายธนาคม ฐานนันทน์ และนางสาวลัดดา พรพนมสิทธิกุล ได้ทดสอบทางด้านเทคนิคตามโครงการฯ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดไว้ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 โดยเคร่งครัด แต่เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการประกวดราคา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาถือเป็นเรื่องของการบกพร่อง ในหน้าที่ สำหรับการที่ นายพิภพ ดำทองสุข นายกมลโลจฒน์ เชียงวงศ์ นายทรงชัย ลิ้มไกลท่า และนายปรีดา บุญประคอง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประกวดราคา ได้มีมติให้คณะทำงานด้านเทคนิค ทดสอบทางด้านเทคนิค ตามโครงการไม่ตรงตามขอบเขตของงาน (TOR) ซึ่งเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและไม่เป็นไปตามที่ขอบเขตของงาน (TOR) กำหนดไว้ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 โดยเคร่งครัด จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอน ดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจกับเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประกวดราคา และคณะทำงานทางด้านเทคนิคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 64 ต่อไป "สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนว่า การพิจารณาตัดสินคดีใดๆ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน มิได้มุ่งเน้นจ้องจับผิดนักการเมืองแต่อย่างใด สำหรับกรณีที่มีผู้ถูกกล่าวหาบางราย ขอความเป็นธรรมในระหว่างการพิจารณาก่อนวินิจฉัยเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นตามปกติของกระบวนการไต่สวน ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะนำมาประกอบการพิจารณาทุกเรื่อง"เลขาฯปปช.กล่าว