คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ศึกการเลือกตั้งขั้นต้นหรือที่เรียกกันว่า “Primary”ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อคัดเลือกตัวแทนของพรรคเดโมแครตเข้าไปแข่งขันกับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” โดยมี 4 รัฐด้วยกันอันได้แก่ รัฐไอโอวา รัฐนิวแฮมป์เชียร์ รัฐเนวาดาและรัฐเซาท์แคโรไลนา รัฐไอโอวา ถือเป็นโค้งแรกของการแข่งขัน ตามติดมาเป็นโค้งที่สองด้วยรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งทั้งสองรัฐนี้นับเป็นการแข่งขันชี้ชะตากรรมของนักการเมืองในค่ายพรรคเดโมแครตหลายๆคนด้วยกัน!!! สำหรับจำนวนนักการเมืองค่ายพรรคเดโมแครตในการแข่งขันไพรมารี ที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อวันอังคารที่เพิ่งจะผ่านมานี้ มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 11 คนจากที่เคยมีถึง 25 คน โดยบางรายได้ออกมาประกาศถอนตัวไปแล้ว 14 คน นักการเมืองที่เป็นตัวเต็งในการแข่งขันที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ก็คือ “วุฒิสมาชิกเบอร์นีย์ แซนเดอร์” และ “พีท บูติเจิจ” อดีตนายกเทศมนตรีเซาท์เบนด์ รัฐอินดีแอนา และในที่สุดนักการเมืองทั้งสองนี้ ก็ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งตามความคาดหมาย โดย “วุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส”ได้รับคะแนน 25.9% และ “พีท บูติเจิจ”ได้รับคะแนน 24.4% ส่วนอันดับสามได้แก่ “เอมี โคลบุชาร์” ตามมาด้วย “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน” ในอันดับที่สี่ เป็นที่น่าสังเกตว่า “อดีตรองประธานาธิบดีสองสมัยโจ ไบเดน” นักการเมืองตัวเก็งที่คาดหมายกันมาตลอดว่า “คงจะเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต” แต่โผกลับพลิกประสบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยินอยู่ในอันดับที่ 5 โดยเขาอาจจะดูดาวเล็งดวงของตัวเองแล้วว่า “คงไปไม่ถึงดวงดาว พ่ายแพ้แน่ๆ” จึงตัดสินใจเดินทางไปหลบเข้ามุมตั้งหลักอยู่ที่เซาท์แคโรไลนา และดูเหมือนว่าการพ่ายแพ้ของโจ ไบเดนทั้งในโค้งแรกและโค้งที่สองจะเป็นสัญญาณอันตรายต่อเขามากเลยทีเดียว และหากว่าเขายังประสบกับความพ่ายแพ้ที่รัฐเซาท์แคโรไลนาอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นมีคนผิวสีพำนักอาศัยอยู่กว่า 62% แล้วละก็ ชะตากรรมทางการเมืองของไบเดนคงจะต้องเจอจุดจบพบกับตอนอวสาน!!! ส่วนภาพรวมของการเลือกตั้งในโค้งที่สอง ณ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ นั้น ดูเหมือนว่าผู้ที่มีโอกาสจะเข้าไปแข่งขันกับประธานาธิบดีทรัมป์ขณะนี้ก็คือ วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ และ พีท บูติเจิจ แต่อย่างไรก็ตาม วุฒิสมาชิกเอมี โคลบุชาร์ ก็ยังคงมีความหวังอยู่เช่นกัน เพราะเธอเป็นนักโต้วาทีฝีปากเจ็บที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเช่นกัน และต้องไม่ลืมว่า“มหาเศรษฐีไมค์ บลูกเบอร์ก” อดีตนายกเทศมนตรีกรุงนิวยอร์กถึงสามสมัย ได้ทุ่มเงินกว่า 300 ล้านเหรียญหว่านโฆษณาหวังจะได้รับเลือกเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตอีกด้วยเช่นกัน!!! อย่างไรก็ตามการได้รับชัยชนะมาเป็นอันดับหนึ่งของพีท บูติเจิจ ที่รัฐไอโอวาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพียงแค่วันเดียวมีผลทำให้คะแนนนิยมของเขาเพิ่มสูงขึ้นถึง 4% และทำให้คะแนนนิยมของเขาในรัฐนิวแฮมป์เชียร์พุ่งสูงขึ้นตามติดไปกับวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์สที่เคยชนะฮิลลารี คลินตันถึง 22% มาแล้วที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อปี 2016 อนึ่งชัยชนะของพีท บูติเจิจ เหนือวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์สในโค้งแรกนั้น ที่แม้จะฉิวเฉียดแค่เพียง 0.1% แต่ได้กลายเป็นข่าวเกรียวกราวพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งตามหนังสือพิมพ์ทั่วสหรัฐฯ นับเป็นผลพลอยได้โฆษณาฟรีๆไปโดยอัตโนมัติ อนึ่งเนื่องจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์มีพรมแดนห่างกันเพียง172 กิโลเมตรกับรัฐเวอร์มอนต์ที่วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนด์เดอร์ส เป็นตัวแทนเพราะฉะนั้นวุฒิสมาชิกแซนเดอร์สจะแพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ที่อาจจะทำให้เขามีความได้เปรียบ และในเมื่อวุฒิสมาชิกแซนเดอร์ส และพีท บูติเจิจได้รับคะแนนที่ค่อนข้างใกล้เคียงสูสีกัน ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายก็คงจะได้รับจากบรรดาผู้บริจาคอย่างไม่น้อยหน้าแตกต่างกันมากเท่าใดนัก เนื่องจากผู้คนมักยินดีที่จะควักกระเป๋าให้แก่ผู้ที่ได้เปรียบ สำหรับพีท บูติเจิจ ก็ไม่น้อยหน้าได้รับคะแนนนิยมมาเป็นอันดับสอง ซึ่งถือว่าเขาได้รับชัยชนะมหาศาล โดยอีกมุมหนึ่งถือได้ว่าพีท บูติเจิจ วางตัวได้เหมือนกับ “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” ด้านการเป็นนักการเมืองหัวก้าวหน้า มีการศึกษาสูง มีไหวพริบปฏิภาณที่แสนยอดเยี่ยม และการที่พีท บูติเจิจ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “Face the Nation” ซึ่งเป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูงระดับต้นๆ โดยเขาได้อธิบายว่า “ข้าพเจ้ามีสไตล์การเล่นการเมืองที่แตกต่างไปจากนักการเมืองคนอื่นๆ แม้กระทั่งการใช้ศัพท์ทางการเมืองก็ตาม แต่จุดเด่นในโลกการเมืองของข้าพเจ้าก็คือ ต้องการที่จะทำงานใกล้ชิดกับประชาชน” คราวนี้ลองหันไปฟังสุนทรพจน์ของวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส หลังจากที่ได้รับชัยชนะที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ กันดูบ้าง โดยเขาเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอบคุณชาวนิวแฮมป์เชียร์ที่ให้การสนับสนุน จนมีผลให้เขาได้รับชัยชนะมาเป็นอันดับหนึ่งและเขายังกล่าวขอบคุณต่อบรรดาอาสาสมัครที่ทุ่มเทเสียสละให้ความช่วยเหลือเขาอย่างท่วมท้น และเขายังได้กล่าวว่า “ชัยชนะของข้าพเจ้าในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเอาชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุคคลที่เป็นอันตรายที่สุดของสหรัฐฯ” และเขายังได้กล่าวถึงนโยบายหลักๆของเขา อาทิ เร่งรัดปฏิรูปอิมมิเกรชั่น ให้โอกาสอเมริกันชนทุกคนร่ำเรียนฟรีในระดับมหาวิทยาลัย โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน เร่งรัดปฏิรูปสวัสดิการด้านสุขภาพแก่คนอเมริกันทุกคนให้ได้กันอย่างถ้วนหน้า อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์นี้ยังมีการแข่งขันในอีกสองรัฐสำคัญๆ ที่จะมีผลกำหนดชะตากรรมของนักการเมืองตัวเต็งทั้ง 5 คนของพรรคเดโมแครต ซึ่งจะเป็นการแข่งขันไพรมารี ที่รัฐเนวาดาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่รัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งในรัฐนี้มีคนผิวสีอาศัยอยู่มากถึง 62% อย่างไรก็ตามในวันที่ 3 มีนาคม 2020 ที่กำลังจะถึงนี้ก็จะมีการแข่งขันทั้งหมดถึง 14 รัฐ ที่เรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่า “Super Tuesday” โดยนักการเมืองทั้งหมดจำต้องทุ่มเม็ดเงินสุดตัวเพื่อต้องการกำชัยชนะ และอาจเป็นวันที่สามารถตัดสินได้ว่าใครจะมีโอกาสเข้าไปเป็นตัวแทนให้แก่พรรคเดโมแครต โดยมีรัฐต่างๆดังนี้ แอละแบมา อาร์คันซอ แคลิฟอเนีย โคโลราโด เมน แมสซาชูเซตส์ มินนิโซตา นอร์ทแคโลไรนา โอคลาโฮมา เทนเนสซี เทกซัส ยูทาห์ เวอร์มอนต์ และ เวอร์จิเนีย กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นใครจะมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อเข้าไปประลองยุทธ์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังคงมีเวลาเหลืออีกหลายสัปดาห์ แต่เมื่อวันนั้นมาถึงคงจะน่าติดตามและน่าตื่นเต้นเร้าใจแบบจ้องหน้าจอ ตาไม่กระพริบกันเลยละครับ