"ชวน" ปาฐกถายกระดับพรรคการเมือง เปรียบธุรกิจการเมืองเป็นโรคเอดส์ทำลายการเมืองไทย จี้ทุกฝ่ายช่วยคิดหาทางป้องกัน ชี้พรรคการเมืองอยู่ได้ต้อง ดึงคนมีความสามารถ-ตั้งใจจริง-ยึดความซื่อสัตย์เข้าร่วมทีม เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การยกระดับพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันทางการเมือง” ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง โดยนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.รุ่นที่ 10) โดยนายชวน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคการเมืองจะเป็นอย่างไร จะมีหน้าตาอย่างไร และจะดำรงอยู่ได้อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับคนในพรรค จึงเริ่มจากการพยายามหาคนดีและมีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพเข้ามาอยู่ในพรรคการเมือง โดยกรณีของตนที่เป็นชาวบ้านธรรมดา มาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับความใจกว้างจากพรรคที่ให้ตนได้มีโอกาสเข้ามาทำงานทางการเมือง และได้ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งก็ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคที่เห็นว่าด้วยประสบการณ์ในทางการเมืองของตนทำให้เห็นว่าตนมีความเหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่มองแต่เรื่องผลประโยชน์ และหัวหน้าพรรคต้องเป็นผู้ที่ดลบันดาลเงินแจกให้กับลูกพรรค ตนก็คงไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตาม การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ใช่งานที่มีความราบรื่น เพราะสายตาของคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมองพรรคการเมืองในเชิงบวก สื่อมวลชนมักมองพรรคการเมืองเป็นจำเลย มีแต่เรื่องเลวร้าย ดังนั้นการทำให้พรรคการเมืองดำรงอยู่ได้และเป็นที่ยอมรับของประชาชน จึงต้องอยู่กับความเป็นจริงในเรื่องความถูกต้อง ซึ่งสิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวบุคคลในพรรค ขณะเดียวกัน สมาชิกพรรคทุกคนจะต้องไม่ยอมให้คนที่ต้องการจะฮุบพรรคได้มีโอกาส พรรคการเมืองมีขึ้นมีลง มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น การที่พรรคการเมืองจะดำรงอยู่ได้จึงต้องมีคนที่ตั้งใจจริงอยากมาทำงานการเมือง ไม่ใช่ เป็นแค่มาหาอะไรทำ เพราะในยามใดที่พรรคมีประสบปัญหา คนที่ตั้งใจจริงเขาจะไม่คิดน้อยเนื้อต่ำใจหรือทิ้งพรรค ไม่หวั่นไหว แต่ถ้าคนเป็นผู้บริหารพรรคใจเสาะ ผู้คนก็จะหนีไป ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยประสบปัญหาอย่างนี้เมื่อปี 2521 มีหลายคนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรวมถึงนายสมัคร สุนทรเวช ลาออกแล้วไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ก็มาชวนตนให้ไปอยู่ด้วย แต่ตนไม่ไป ขออยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป และเห็นว่าถ้าสุดท้ายพรรคไปไม่รอด ตนก็ยอมกลับไปเป็นทนายความที่บ้านเกิด นายชวน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การดำรงอยู่ของพรรคส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนในพรรคด้วย เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือต่อพรรค โดยต้องมีความซื่อตรง และต้องไม่กระทำสิ่งที่จะสร้างปัญหาหรือเงื่อนไขให้ทหารใช้เป็นเหตุผลในการยึดอำนาจ อีกทั้ง พรรคการเมืองต้องมีความเป็นธรรม ยึดมั่นหลักการความถูกต้องและกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขณะที่การบริหารพรรคการเมืองให้ดำรงอยู่ได้ไม่ใช่ของง่าย เพราะต้องใช้ความอดทน และความซื่อสัตย์สุจริต สมัยนี้การเมืองได้เปลี่ยนไป โดยตนเป็นห่วงเรื่องธุรกิจการเมืองมาเป็นอุปสรรคในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต่างจากในอดีตที่มีปัญหาจากการยึดอำนาจหรือพฤติกรรมของทหาร เมื่อก่อนพวกเราเคยนึกไม่ถึงว่าเมื่ออหิวาตกโรคหมดไป โรคเรื้อนหมดไปแล้ว จะเกิดโรคเอดส์มาทำลายภูมิต้านทานของคน ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้การเมืองของเราก็เกิดโรคเอดส์ นั่นคือธุรกิจการเมืองที่ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมืองและองค์กรอิสระ ซื้อกระบวนการยุติธรรม ซื้อสื่อมวลชนที่ทำให้มีการเผยแพร่ข่าวเพียงบางเรื่อง ตนขอเอาใจช่วยทุกคนที่ต้องการทำงานทางการเมือง และขอให้พรรคการเมืองของทุกคนอยู่ได้โดยต้องยึดความถูกต้องเป็นหลัก แต่สิ่งที่ตนยังคิดไม่ตก คือจะทำอย่างไรให้เราสามารถป้องกันธุรกิจการเมืองได้ ขอฝากให้บรรดานักวิชาการช่วยกันคิดตรงนี้ เพื่อไม่ให้มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง "ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในการเมืองสุจริต ต้องยืนหยัดในความถูกต้องละเคารพกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และขอให้เชื่อเถอะว่าไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่เอากำไรคืนฉันใด นักการเมืองที่ซื้อเสียงหรือกระทำทุจริตโกงมา เขาก็ต้องมาเอาทุนคืนฉันนั้น บ้านเมืองเราทุกวันนี้จึงมีการทุจริตมากในทุกวงการ หากพวกเราไม่ช่วยกันแก้ไข ต่อไปทุกตำแหน่งจะต้องมีการซื้อขายกัน แม้การยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตและความถูกต้อง จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ขอให้ทุกคนพยายามทำอย่างเต็มที่" นายชวน กล่าว