หอการค้าไทยประเมินจีดีพีไตรมาส 1/63 ขยายตัวเพียง 0.5-0.8% จากผลกระทบไวรัสโควิด-19/ ฝุ่นPM 2.5/ภัยแล้ง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มองว่าจีดีพีไตรมาส 4/2562 จะขยายตัวไม่ถึง 2% ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีประเมินไว้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 200,000 ล้านบาทเข้าสู่ระบบไม่เป็นผล เพราะประชาชนไม่ได้มีการใช้จ่ายมากที่ควร ขณะที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 มองว่าจะขยายตัวได้เพียง 0.5-0.8% เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนา ภาวะฝุ่น PM 2.5 และปัญหาภัยแล้ง ทำให้เม็ดเงินหายจากระบบประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งกระทบตัวเลขจีดีพี 1-1.5% พร้อมหวังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จะจบลงภายในเดือนมี.ค.-เม.ย.63 และรัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เข้าสู่ระบบได้ภายในเดือนเม.ย.หรือพ.ค.63 เพื่อกระตุ้นให้ตัวเลขจีดีพีโต 2-3% ต่อไตรมาส ซึ่งจะหนุนให้จีดีพีปี 2563 โตได้ 2.8% ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนม.ค.63 พบว่า อยู่ที่ระดับ 45.4 จุด ปรับตัวลดลง 0.3 จุด จากเดือนธ.ค.62 โดยเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นับตั้งแต่เดือนมี.ค.62 โดยกลุ่มที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงมากสุดคือ ภาคการเกษตร ภาคการบริโภค และภาคการค้าจากปัจจัยลบคือ การส่งออกไทยเดือนธ.ค.62 ลดลง 1.28%,SET Index เดือนม.ค.63 ปรับตัวลดลง 65.70 จุด จาก 1,579.84 ณ สิ้นเดือนธ.ค.มาอยู่ที่ 1,514.14 ณ สิ้นเดือนม.ค.63,ค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับอ่อนค่า,การเบิกจ่ายงบประจำปี 2563 ล่าช้าส่งผลต่อความเชื่อมั่น นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5,การแพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้ง ขณะที่ปัจจัยบวกเดือนม.ค.ได้แก่ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากประชาชนและภาคธุรกิจยังไม่มีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ