นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวในงาน MICE Standards Day 2020 ว่า นอกเหนือจากการดึงงาน ประชาสัมพันธ์ ยังมีอีกพันธกิจสำคัญ คือ ด้านการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล โดยวางเป้าหมายให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการศึกษาไมซ์แห่งอาเซียน เป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ในภูมิภาคเอเชียด้วยมาตรฐานสากล และเป็นผู้นำของการจัดงานอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย ดังนั้น ทีเส็บ จึงตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทย จัดตั้ง ASEAN MICE Institute เพื่อเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ กำหนด รับรองมาตรฐานต่างๆ รวมถึงออกแบบหลักสูตรพัฒนาผู้ประกอบการไมซ์ทั้งระดับบุคคล และองค์กรให้มีศักยภาพที่แข่งขันได้ในระดับนานาชาติ โดยบริหารงานและอยู่ภายใต้การกำกับของทีเส็บ เป็นสถาบันที่ให้องค์ความรู้ไมซ์แบบครบวงจร เพื่อพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยและอาเซียนแก่บุคลากรและองค์กรที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุตสาหกรรมไมซ์ ปัจจุบัน ทีเส็บ พัฒนามาตรฐานต่างๆ โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standard (TMVS) รวมทั้งสิ้น 453 แห่ง แบ่งเป็นประเภทห้องประชุม 397 แห่ง มีจำนวน 1,083 ห้อง ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า 25 แห่ง มีจำนวน 29 ฮอล์ล และประเภทสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ 31 แห่ง นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน หรือ ASEAN MICE Venue Standard (AMVS) ประเภทห้องประชุมทั้งสิ้น 53 แห่ง มาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืน หรือ Thailand Sustainable Event Management Standard (TSEMS) ผ่านการรับรองมาตรฐาน จำนวน 20 แห่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านไมซ์อย่างมืออาชีพ (MICE Professionals) จำนวน 941 ท่าน MICE Coach กว่า 900 ท่าน และชมรมเยาวชนไมซ์ (Student Chapter) จำนวน 17 มหาวิทยาลัย 241 ท่าน ซึ่งแผนพัฒนามาตรฐานไมซ์ ระยะ 5 ปี (ระหว่างปี พ.ศ.2563-2567) ทีเส็บมุ่งเป้าสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไมซ์ทั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียน และจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ คือ มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์การสื่อสารมาตรฐานร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้ใช้บริการในการทำประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการและสถานที่จัดงาน และสร้างผู้ประกอบการไมซ์ อาจารย์ นักเรียน นิสิต นักศึกษาให้ผ่านการรับรองมาตรฐานในหลักสูตรต่างๆ เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไมซ์ในอนาคตต่อไป อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ในการนำสถานที่ที่สามารถให้บริการพื้นที่การจัดงาน หรือชุมชนที่สามารถรองรับการจัดงานไมซ์ได้เข้าร่วมโครงการตรวจประเมินมาตรฐาน TMVS ประเภทสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการขยายจำนวนสถานที่จัดงานที่ได้รับมาตรฐานรับรองครอบคลุมในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวทั้งในเขตทหารและชุมชนท้องถิ่น เป็นการเพิ่มโอกาสในการกระจายการจัดงานไมซ์สู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ด้าน พลตรี ธนณัฐ ยังเฟื่องมนต์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก กล่าวว่า การสร้างมาตรฐานสถานที่จัดงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ จะทำให้องค์กรได้มีการพัฒนาสถานที่จัดงานของตนให้มีมาตรฐาน เป็นแบบอย่างที่ดีแก่องค์กรอื่นๆ เกิดความต้องการการพัฒนาอย่างทัดเทียม และเมื่อองค์กรมีสถานที่จัดงานที่มีมาตรฐาน สามารถตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ 20 ปี ในด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ส่วน นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์ระดับโลก และการมีมาตรฐาน ในสถานที่สำหรับการจัดงานจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมาตรฐานเป็นสิ่งที่ผู้จัดงานทั้งในประเทศและต่างประเทศจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกสถานที่จัดงานได้ ขณะที่ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวว่า มาตรฐานคือสิ่งที่แสดงถึงคุณภาพและความเป็นมืออาชีพ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวในการเลือกจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยว ดังนั้นทาง อพท. ซึ่งมีบทบาทภารกิจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน จึงพร้อมที่จะสนับสนุน และผลักดันแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ผ่านกระบวนการพัฒนาและได้รับการยกระดับสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนบนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้มีศักยภาพและความพร้อมสามารถรองรับการจัดงานไมซ์ ได้เข้าร่วมรับการตรวจประเมินมาตรฐานสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ และเป็นโอกาสอันดีที่จะเพิ่มศักยภาพของชุมชนในการรองรับตลาดกลุ่มไมซ์ ซึ่งเป็นตลาดคุณภาพที่จะนำมาสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชนพัฒนาคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลต่อไป