เลขาฯ ส.ป.ก.นัดกรมป่าไม้ เดินหน้าบังคับใช้กฎหมาย ส.ป.ก.-ป่าไม้ ในทิศทางเดียวกัน เป็นโจทย์ร่วมฟ้อง “ปารีณา” บุกรุกที่ดินรัฐ วันที่ 12 ก.พ.63 แหล่งข่าวจากสำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการกฤฎีกา คณะ7 ได้ตีความการใช้อำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดีระหว่าง กรมป่าไม้ และสำนักงานปฏิรูปที่ดิน กับผู้บุกรุก ถือครอง ที่ดินประกาศเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในหลายกรณี รวมทั้งกรณีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถือครองที่ส.ป.ก. ในป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ทำฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม กว่า628ไร่ ต.รางบัว อ.บ้านบึง จ.ราชบุรี โดยกฤษฎีกา ได้มีความเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ เพราะยังไม่เพิกถอนสภาพเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เนื่องจากพื้นที่ใดที่ยังไม่มีการจัดรูปที่ดิน กระจายสิทธิให้ผู้มีคุณสมบัติ ซึ่งเป็นคนยากไร้ในพื้นที่ ไม่มีที่ดินทำกิน เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม และกรมป่าไม้ ยังไม่มอบพื้นที่ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน สำนักงานปฏิรูปที่ดินฯยังไม่รับมอบกรรมสิทธิในที่ดิน ซึ่งหากทำตามขั้นตอนมาแล้วต้องส่งให้ คณะรัฐมนตรี อนุมัติแผนงานจัดสรรปฏิรูปที่ดินและงบประมาณ ผู้มีคุณสมบัติได้รับเอกสารสิทธิ์ .ป.ก.4-01 จึงเพิกถอนสภาพพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งนี้ จากการตีความของกฤษฎีกา ทำให้พื้นที่ส.ป.ก. ฟาร์มไก่ ของน.ส.ปารีณา ยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติ อยู่ในการดูแลของกรมป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ดังนั้นพื้นที่ใดไม่ออก เอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01 ถือว่าเป็นที่ดินของกรมป่าไม้ หมดทุกแปลง ขณะนี้พื้นที่ส.ป.ก. ที่ประกาศเขตปฏิรูปที่ดินแล้วยังไม่เข้ากระบวนการจัดสรรสิทธิ มีกว่า 5 ล้านไร่ โดยกฤษฎีกา ตีความ ให้สองหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของตนเอง เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรของชาติให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และผู้ยากไร้ ในพื้นที่อย่างแท้จริงและหยุดยั้งการบุกรุกป่าให้ได้ ทั้งส.ป.ก. เป็นหน่วยงานร้องทุกข์กล่าวโทษ กับผู้บุกรุก ถือครอง ร่วมกับกรมป่าไม้ ที่เป็นผู้เสียหาย ฟ้องร้องดำเนินคดีผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ ตาม พ.ร.บ.วิ อาญา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะ7 ตีความตามคำวินิจฉัยศาลฎีกา ให้เพิกถอนสภาพป่าสงวนแห่งชาติ เฉพาะแปลงที่ได้ออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 อย่างไรก็ตามสัปดาห์หน้า เลขาธิการฯ ส.ป.ก. จะนัดประชุม กรมป่าไม้ เพื่อเดินหน้าในแนวทางเดียวกัน