“EPG” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 62/63 มีรายได้จากการขาย 2,428 ล้านบาทมีอัตรากำไรขั้นต้น 29% จากปัจจัยบวกราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง-บริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพ รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2562/63 (ต.ค.62-ธ.ค.62) มีรายได้จากการขาย 2,427.7 ล้านบาท ลดลง 11.4% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29% จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ได้รับผลบวกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 213.4 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 225.2 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 11.9 ล้านบาท คิดเป็น 5.3% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขาย 747.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายของบริษัทเติบโตได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยมถึงแม้ว่าจะถูกกดดันจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงช่วงปลายปีมีช่วงวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โดยธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขาย 1,039.4 ล้านบาท หรือลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่าช่วงเดือนต.ค.62 – ธ.ค.62 ยอดจำหน่ายรถกระบะ 1 ตันภายในประเทศ ปรับตัวลดลง 19% และยอดส่งออกยานยนต์ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจเลือกซื้อรถใหม่ อาจด้วยความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงรอการเปลี่ยนโมเดลรถรุ่นใหม่ หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาทดแทนในอนาคต จึงส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2562/63 Aeroklas มียอดสั่งซื้อจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ลดลง ขณะเดียวกันได้รับผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจในประเทศออสเตรเลียเติบโตช้ากว่าคาดจากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจในประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามบริษัทได้เริ่มดำเนินการด้านบริหารจัดการลดต้นทุน และค่าใช้จ่าย และสร้างเสริม Synergy ระหว่างธุรกิจ ซึ่งจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขาย 640.7 ล้านบาท หรือ ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม EPP มุ่งเน้นการทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่มในหลายตลาด และสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น