โกลเบล็ก มองปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซบเซา รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าการพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณทำได้ทัน หลังประธานสภาฯนัดประชุมด่วน จึงให้กรอบดัชนี 1,520-1,550 จุด แนะสะสมหุ้นรับเหมาก่อสร้างได้อานิสงส์การเบิกจ่ายงบประมาณ ชู CK-STEC-PYLON-SEAFCO ส่วนทิศทางราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,585 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่ซื้อทองซึ่งเป็นสินค้าปลอดภัย และไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจในระยะกลางแน่นอน ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนต่อ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือนนี้ และประธานสภาฯ ยังมีการนัดประชุมนัดพิเศษวันพฤหัสนี้ (13 ก.พ.)เวลา 9.30 น.พิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระ 2-3 เพื่อให้ทันต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ นอกจากนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เตรียมปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมครั้งใหญ่โดยจะมีไกด์ไลน์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ส่วนการคิดวงเงินต้นในการคิดดอกเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระหนี้มีผลบังคับใช้ 1 พ.ค.กดดันผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารในปีนี้ อีกทั้งผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน ก.พ.63 ลดลง 9.91% มาอยู่ที่ระดับ 72.75 โดยเป็นการปรับลดลงอยู่ในโซนซบเซา (Bearish) (ช่วงค่าดัชนี 40-79) เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี จึงคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,520-1,550 จุด ทั้งนี้ต้องจับตาการรายงานยอดขายรถในเดือนมกราคม ของจีน รวมทั้งตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนเดือนม.ค.และสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ซึ่งจะมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ทางกลุ่มโอเปกมีแผนจัดประชุมเกี่ยวกับแผนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันให้เร็วขึ้นเป็นเดือนนี้จากกำหนดเดิม 5-6 มี.ค.หลังจากความต้องการใช้น้ำมันไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้น้ำมัน และการเปิดประมูล 5G ของ กสทช.ซึ่งจะมีการเคาะราคาประมูล 5G ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ซึ่งน่าจะสร้างสีสันให้กันหุ้นในกลุ่มเทคโนลีสารสนเทศ (ICT)ได้พอสมควร น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กกล่าวว่า สำหรับคาดการณ์การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะทำได้ในเร็วๆนี้ ภายหลังที่มีการประชุมด่วน ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาหมุนในระบบ และทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากต้นปีเป็นผลดีต่อการส่งออก และจีนกลับมาดำเนินการตามปกติต้นสัปดาห์นี้หลังจากสิ้นสุดวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน และการประกาศอัดฉีดเงินทุนให้กับภาคเอกชน เพื่อลดผลกระทบของไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากการเบิกจ่ายงบประมาณ เช่น CK,STEC,PYLON และ SEAFCO รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ได้แก่ TU และ CPF ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กกล่าวว่า คาดราคาทองคำในสัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,585 ดอลลาร์ หรือ 22,910-23,400 บาทต่อทองคำ โดยได้แรงหนุนจากความกังวลเรื่องโคโรน่าไวรัส ที่มีการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมีผู้ติดเชื้อกว่า 4 หมื่นรายและเสียชีวิตกว่า 1 พันคน โดยมีมุมมองบวกต่อราคาทองคำในระยะกลางแม้ว่าดัชนีดาวโจนส์จะทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ เชื่อว่าผลกระทบจากไวรัสโคโรนาจะกระทบต่อพื้นฐานเศรษฐกิจในระยะกลาง นอกจากนี้กองทุน SPDR ยังเข้าซื้อทองคำในสัปดาห์ที่แล้วกว่า 12.87 ตัน