ส.ว.ประชุมลับเลือก 5 ศาลรธน. ผ่าน 4 ราย “ชั่งทอง”ร่วงแค่คนเดียว เผยลดสเปคเวลาดำรงตำแหน่งให้ ชี้ 5 ศาลรธน.คนเก่ายังทำหน้าที่ต่อได้ เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 11 ก.พ.63 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน5คน ประกอบด้วย 1.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา 2.นายวิรุฬ แสงเทียน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 3.นายจิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 4.นายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และ 5.นายนภดล เทพพิทักษ์ อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อฯ ที่มีพล.อ.อู้ด เบื้องบน ส.ว. เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการประชุมลับเพื่อพิจารณารายงานของกมธ. ก่อนที่จะให้ส.ว.เข้าคูหากาบัตรลงคะแนนจะให้ความเห็นชอบรายชื่อทั้ง 5คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯเสนอมาหรือไม่ โดยผู้ได้รับความเห็นชอบจะต้องได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ว.ทั้งหมด 250คน หรือ125 เสียงขึ้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากใช้เวลาประชุมลับและลงคะแนนลับร่วม 5 ชั่วโมง ผลปรากฎว่า นายอุดมได้คะแนนเห็นชอบ 216 คะแนน ไม่เห็นชอบ 3คะแนน นายวิรุฬได้คะแนนเห็นชอบ 216คะแนน ไม่เห็นชอบ 3 คะแนน นายจิรนิติได้คะแนนเห็นชอบ 217คะแนน ไม่เห็นชอบ 2คะแนน นายชั่งทองได้คะแนนเห็นชอบ 52 คะแนน ไม่เห็นชอบ 139 คะแนน ไม่ออกเสียง 28 คะแนนและนายนภดลได้คะแนนเห็นชอบ 203 คะแนน ไม่เห็นชอบ 12 คะแนน ไม่ออกเสียง 4 คะแนน ทำให้นายอุดม นายวิรุฬ นายจิรนิติ และนายนภดล ที่ได้รับคะแนนเห็นชอบเกิน 125 คะแนน ได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนนายชั่งทองได้คะแนนเห็นชอบไม่ถึง125 คะแนน จึงไม่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพียงคนเดียว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนเหตุผลที่นายชั่งทองไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากส.ว.ส่วนใหญ่มองว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา200 กำหนดคุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มาจากสายศาลปกครองสูงสุดว่า ต้องดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดไม่น้อยกว่า 5ปี แต่นายชั่งทองเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดไม่ถึง 5ปี แต่ที่ผ่านการคัดเลือกมาได้ เนื่องจากที่ประชุมศาลปกครองสูงสุดได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญให้พิจารณาลดเวลาดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดเหลือต่ำกว่า 5ปี ในการไปดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าใช้เงื่อนไขต้องดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดไม่น้อยกว่า 5ปี จะไม่มีตุลาการศาลปกครองสูงสุดคนใดได้รับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งวรรคท้ายของรัฐธรรมนูญ มาตรา200 ระบุว่า ในกรณีจําเป็นให้คณะกรรมการสรรหาจะประกาศลดระยะเวลาลดลงจาก 5ปีได้ แต่จะเหลือน้อยกว่า 2ปีมิได้ ในที่สุดคณะกรรมการสรรหาฯมีมติลดเวลาการดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุดเหลือไม่น้อยกว่า3ปี ทำให้นายชั่งทองมีคุณสมบัติได้รับคัดเลือกไปดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุดมา 3ปีกว่า อย่างไรก็ตามส.ว.หลายมองว่า การลดเวลาดำรงตำแหน่งลงมาเหลือ 3ปีของคณะกรรมการสรรหาฯ เป็นการลดสเปกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ควรเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์สูงมาทำหน้าที่สำคัญ ไม่ควรลดหย่อนกฎเกณฑ์ใดๆลงมา เพราะตัวแทนศาลฎีกา และผู้ทรงคุณวุฒิสาขาอื่น ต่างๆดำรงตำแหน่งมากกว่า 5ปี จึงไม่ควรที่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดจะลดเวลาดำรงตำแหน่งลงมา ชี้ 5 ศาลรธน.คนเก่ายังทำหน้าที่ต่อได้ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.ฐานะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา กล่าวว่ากรณีที่ส.ว. ไม่ให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 คน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 12 วรรคเก้า ระบุว่าให้ส.ว. แจ้งผลการลงมติไปยังคณะกรรมการสรรหา ซึ่งกรณีดังกล่าวส.ว.จะแจ้งไปยังที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดให้รับทราบว่านายชั่งทอง บุคคลที่สรรหามาจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดไม่ได้รับความเห็นชอบ จากนั้นหน่วยงานต้องสรรหาคนใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วน 4 คนที่ได้รับความเห็นชอบ ตามขั้นตอนต้องลาออกจากตำแหน่งที่สังกัดในปัจจุบัน ภายใน 15 วันจากนั้นสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดประชุม 4 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ดำรงตำแหน่งปัจจุบันและยังไม่พ้นวาระ ร่วมกับ 4 ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเลือกประธานศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นำรายชื่อประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ และ 4ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คนที่ต้องพ้นวาระนั้น ส่วนตัวมองว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า 4 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ จะได้รับการโปรดเกล้าฯ