จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์รูปและคลิปวีดีโอ พร้อมทั้งระบุเรื่องราวว่า #แชร์ไป #ที่นี้ตลิ่งชั่น #บลาซิลหรออิ-ัส กลางงานบวชเรยจร้าาาาา ยุ่ๆมาอุ้มพี่..ต่อหน้าต่อตาแบบนี้เรยหรอ ใหญ่มาจากไหน ปืนครบมือ4-5 กระบอก พี่..ไม่เคยรุ้จักพวก..เรย อยุ่ๆมาเอาตัวพี่...ไป ซ้อมกระทืบเหมือนเขาไปฆ่าใครตายไอ ..นรก โทมาข่มขู่พวก..อีก เส้นใหญ่ แบ๊คดี แจ้งความรอรับศพ ไอ ... ใส่กุญแจมือ เอาผ้าคุมหัว เอาปืนตบที่หัวเลือดอาบหน้า #ดีแค่ไหนที่พี่กุรอดกับมาได้ (สภาพหนักมาก) #ปืนจ่อหัว #พี่กุเกือบเอาชีวิตไม่รอด #เรื่องแค่เข้าใจผิด #จะจ่ายเงินแค่40000และให้จบหรอไอเหี้ย #ใหญ่กว่ากฎหมายแค่ไหนถึงก้าทำอะไรแบบนี้? คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 11 ก.พ.63 ที่ สน.ตลิ่งชัน นายทวีศักดิ์ สุขสม อายุ 55 ปี บิดาของนายเต้ นามสมมุติ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเหยื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า จากการสอบถามบุตรชายเบื้องต้นเล่าว่า โดยก่อนเกิดเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ของวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่เดินทางไปช่วยงานบวชเพื่อนที่วัดน้อยใน แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. จู่ๆ มีกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 5 คน ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กผ 7701 กรุงเทพมหานคร เข้ามาก่อนทั้งหมดจะชักอาวุธปืนยิงข่มขู่รวม 3 นัด จากนั้นลากตัวบุตรชายตนขึ้นรถไป พร้อมทั้งใส่กุญแจมือและนำถุงผ้ามาคลุมศรีษะ โดยไม่ทราบปลายทางว่าไปยังสถานที่แห่งใดก่อนจะนำไปซ้อมร่างกายจนหนำใจ จนกระทั่งผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้พาบุตรชายตนซึ่งอยู่ในสภาพใบหน้าบวมบูดจนเขียวคล้ำ คล้ายถูกของแข็งตี ได้พามาปล่อยตัวที่สน.ตลิ่งชัน ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พร้อมเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ โดยเบื้องต้นให้การอ้างว่าสาเหตุที่ทำไปนั้นเนื่องจากลงมือก่อเหตุผิดตัว นายทวีศักดิ์ เผยต่อว่า ตนขอยืนยันว่าทั้งตนและบุตรชาย รวมถึงชาวบ้านในละแวกนั้นต่างไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน ทั้งๆที่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางหรือขัดแย้งกันแม้แต่อย่างใดจึงเกิดข้อสงสัยว่าต้องเป็นกลุ่มบุคคลแบบไหน และมีดีอะไรจึงกล้ากระทำการณ์อุกอาจในลักษณะเช่นนี้ในเขตอภัยทาน นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหายังขอไกล่เกลี่ยช่วยเหลือเรื่องทำฟันเพียงแค่ 4 หมื่นบาทเพื่อให้เรื่องจบ แต่ตนไม่ยอมความเพราะสิ่งที่ทำไปนั้นถือว่ากระทำการอุกอาจเป็นอย่างมาก “โดยปกติบุตรชายตนประกอบอาชีพขายอาหารทะเลในตลาดสด ซึ่งไม่มีหนี้สินหรือเรื่องขัดแย้งกับผู้ใด ส่วนอาการบาดเจ็บแพทย์ระบุว่ามีแผลช้ำใน และใบหน้าแตก เหมือนถูกอาวุธตี ซึ่งขณะนี้ยังรู้สึกขวัญเสียจึงไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ทั้งหมด ส่วนตำรวจก็ยังไม่ให้ข้อมูลที่แน่ชัด นอกจากนี้ตนพร้อมครอบครัวยังรู้สึกหวาดกลัวว่าคนร้ายอีกรายที่ยังคงหลบหนีอยู่จะกลับมาทำอันตราย ไม่เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ร้ายกระทำเป็นการจับตัวไปผิดคน เพราะดูจากเหตุการณ์แล้วเหมือนวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยขณะนี้บุตรชายตนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแต่มีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ยังคงหวาดกลัว เนื่องจากนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น อยากขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานราชการให้ดำเนินคดีอย่างถูกต้อง และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเป็นคดีที่น่ากลัว แล้วเงิน 4 หมื่น แค่ค่ารักษาก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป” นายทวีศักดิ์ กล่าว รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย คือนายเอกพล หรือเอก เอี่ยมวิสูตร อายุ 33ปี นายเชิดศักดิ์ หรืออาท คุ้มภักดี อายุ 34 ปี นายจตุพร หรือนิค ศรีสวัสดิ์ อายุ 30 ปี นายนิธิกร หรืออู๋ พวงสุนทร อายุ 30 ปี โดยทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางประกอบด้วยอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 นัด อาวุธปืนสิ่งเทียมกึ่งอัตโนมัติ 1 กระบอก และรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 6 กผ 7701 กรุงเทพมหานคร โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า โดยขณะนี้ยังคงเหลือผู้ร่วมก่อเหตุที่ยังคงหลบหนีอีกหนึ่งราย ทราบเพียงชื่อเล่นว่านายฟาฮิส โดยทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับสาเหตุที่กลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้นั้น เกิดมาจากกลุ่มของผู้เสียหายและกลุ่มของผู้ก่อเหตุเคยทำธุระกิจที่ไม่เปิดเผยร่วมกัน ก่อนที่จะมีความขัดแย้งถึงขั้นสั่งการให้ทำร้ายร่างกายกันมาก่อนหน้านี้ในพื้นที่สน.บางพลัด จนกระทั่งในวันเกิดเหตุฝ่ายของผู้ต้องหา ซึ่งมีตัวการใหญ่คือนาย ต. ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ได้สั่งให้กลุ่มของผู้ก่อเหตุมาอุ้มตัวไปทำร้ายร่างกายเพื่อเป็นการเอาคืน อย่างไรก็ตามแนวทางการสืบสวนยังต้องทำการพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดอีกครั้ง พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ต่อมาเมื่อเวลา 13.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากทางพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้ประสานเชิญผู้เสียหายมาสอบปากเพิ่มเติมเพื่อสรุปในสำนวนคดีตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายและครอบครัวได้เดินทางกลับที่พักในทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแม้แต่อย่างใด