“ชวน” จ่อโยน กมธ.กิจการสภาฯ สอบปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน เหตุ จนท.สภาฯ ไม่กล้าสอบ ส.ส. ยันหากข้อเท็จจริงชัด ส่ง ป.ป.ช.เชือด ไม่มีใครยกเว้นได้ เผยกรอบอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 รอบใหม่ ต้องไล่ทีละมาตราเหมือนเดิม - ส.ส.มีสิทธิอภิปรายซ้ำได้ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. ที่เสียบบัตรแทนกัน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นั้นว่า เลขาธิการสภาฯกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนให้ตรวจสอบทุกกรณี ไม่ใช่แค่ในรายที่ถูกร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ให้ตรวจสอบทุกรายว่าแต่ละรายข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะมีกรณีทั้งที่ตัวอยู่ในห้องประชุม และตัวไม่อยู่ในห้องประชุม ซึ่งจะต้องตรวจสอบทุกราย แต่เลขาธิการสภาฯ แจ้งตนมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยอยากสอบ ส.ส. ซึ่งเท่าที่หารือกับเลขาธิการสภาฯ ก็มีทางเลือกหนึ่งคือส่งให้กรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรสอบเรื่องนี้ ซึ่งก็ได้คุยกับนายอนันต์ ผลอำนวย ประธานคณะกรรมาธิการฯ ไว้เบื้องต้นแล้ว ว่าอาจจะขอให้กรรมาธิการกิจการสภาฯ สอบเรื่องนี้ เพราะเจ้าหน้าที่สภาฯ ไม่ค่อยอยากสอบ ส.ส. เพราะเขาเป็นข้าราชการ แต่ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ มีข้อมูลดีกว่าทุกคน ดังนั้นเจ้าหน้าที่สภาฯ จะสามารถสอบเบื้องต้นได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ว่าใครเป็นอย่างไร ก็อาจจะส่งข้อมูลให้กรรมาธิการกิจการสภาฯ หากรับสอบเรื่องนี้ ส่วนมาตรการที่ว่าแต่ละคนต้องรับผิดชอบอย่างไร เป็นอีกกระบวนการหนึ่งเราต้องดูอีกที หากสมมุติว่ามีพฤติกรรมที่ผิดในแง่กฎเกณฑ์ กติกา กฎหมาย ก็ต้องว่าไปตามความผิดนั้นๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ส่วนการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องนี้นั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทยคนที่ 2 ได้วินิจฉัยไปแล้วถือว่าจบไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นหน้าที่สภาฯ ที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจิรง และส่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป อย่างไรก็ตามหากพบความผิดชัดเจน เราสามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ ซึ่งไม่มีใครจะไปยกเว้นใครได้ มันขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ส่วนแนวทางการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณ 2563 ในวาระที่ 2 นั้น นายชวนหลีกภัย กล่าวว่า เป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมาย ในวาระ 2 จะต้องเริ่มตั้งแต่ชื่อ พ.ร.บ. คำปรารภ ต้องไล่ไปทีละมาตราจนจบ ส่วนฝ่ายค้านจะอภิปรายแต่ละมาตราก็เป็นสิทธิ จะอภิปราย 4-5 วันเหมือนเดิมก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่คนนอกก็จะรู้ว่าเจตนาอะไร เพราะการอภิปรายรอบที่แล้วได้พูดกันมาอย่างละเอียดแล้ว อภิปรายจนมากกว่าปกติโดยทั่วไป ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าได้มีการอภิปรายมาแล้ว แต่ถ้ายังอยากทำเหมือนเดิมก็เป็นสิทธิทำได้ตามกฎหมายไม่มีอะไรห้ามได้ ทั้งนี้เท่าที่ฟังจากสมาชิกส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าอภิปรายกันมาแล้ว คงไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนเดิม เมื่อถามถึงกรณีอาจจะมีการหยิบยกเรื่องมาตรา 143 ที่ระบุว่าหากพิจารณาไม่แล้วเสร็จใน 105 วัน ให้ถือว่าสภาฯ เห็นชอบ มาพูดคุยกันอีกหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า ถือเป็นคนละเรื่อง เพราะเรื่องนี้เป็นการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องเริ่มพิจารณาวาระ 2 วาระ 3 ใหม่ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้