ดังตฤณ-ศรัณย์ ไมตรีเวช นักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กDungtrin ระบุว่า.. จ่าแม่นปืน ทะลุปรอทคลั่ง ยิงไป เซลฟี่ไป พูดจา ทำหน้าทำตา ราวกับกำลังเล่นเกมตามสวนสนุก ถ้าคิดว่านั่นคือข่าวน่าตกใจ ลองดูข้อความในทวิตเตอร์ ที่ผมแคปมาประกอบรูปสเตตัส ซึ่งเป็นของจริง มีตัวตนคนเขียนเชียร์อย่างนั้นจริงๆ แล้วคุณจะเห็นว่าข่าวจ่าคลั่ง ยังไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่สุด ฝูงคนคลั่งที่ยังซุ่มเงียบรอเอาเยี่ยงเอาอย่างตามต่างหาก ที่ใช่ จากข่าว ผอ.กอล์ฟ ถึงจ่าจักรพันธ์ ถึงเวลาลืมตาตื่นขึ้นมาตระหนักว่าเราไม่ได้รบกับคนเลวคนใดคนหนึ่ง แต่เรากำลังรบกับโรคทางใจของคนยุคใหม่ ที่กำลังคุกคามทุกคนในโลก แบบซับซ้อนพิสดาร เดาทางกันไม่ถูกการก่นด่าหรือฆ่าคนร้ายเพียงคนเดียว ไม่ได้ทำให้เรื่องจบ หมอกพิษหมอกภัยของโรคร้ายยังไม่หายไปไหน ต่อแต่นี้ไป ข่าวยิงกราดอาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่ต้องฟังจากฝั่งอเมริกาอีกต่อไป และคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศก็เริ่มหน้าตาดี ดูเหมือนคนดีๆที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีด้วย บางท่านที่จัดค่ายเยาวชนให้ข้อมูลว่า ปีหลังๆพบเด็กชอบเล่นเกมกราดยิงและบอกว่าสะใจเวลาเห็นข่าวกราดยิงเสียด้วย ข่าวยิงกราดเป็นเหมือนโรคติดต่อได้อย่างไร? จริงๆคือใจคนจำนวนหนึ่งพร้อมจะคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่แล้ว สงสารตัวเอง เก็บกด และเกลียดโลกอยู่แล้ว ต่อเมื่อมีชนวนปะทุ เหมือนส่งสัญญาณเรียกพวกเดียวกันออกมาจึงใจกล้า และไม่สนอะไรอีก อย่างเช่นกรณีของจ่าจักรพันธ์ ก่อนที่เฟสของเขาจะถูกลบ มีคนให้ผมดูว่าจ่าเคยแชร์รูป ผอ.กอล์ฟ ตอนนั้นเพื่อนๆจ่ารู้ว่าจ่าแชร์ แต่ไม่รู้หรอกว่าจ่าแอบคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรอกว่าจ่าเห็น ผอ.กอล์ฟ เป็นแรงบันดาลโทสะ ให้อยากเข้าร่วมประชาทัณฑ์หรือเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเข้าร่วมขบวนการ ว่ากันเฉพาะกรณีจ่าจักรพันธุ์ เขาโดนผู้บังคับบัญชาโกงค่านายหน้าที่ดินซึ่งเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโลกเลยตอบสนองด้วยการ ให้ความไม่เป็นธรรมกับโลกบ้าง แม้จะเป็นคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ตาม หลังจากเข่นฆ่าประชาชนไปเป็นจำนวนมาก จ่าบ่นว่าเหนื่อยเหลือเกิน หรืออย่างที่บอกเพื่อนว่า สังหารประชาชนตามถนนเพื่อป้องกันตัวเอง นั่นเป็นสัญญาณบอกว่า เขามีความสงสารตัวเองสูงจะเรียกว่าเข้าขั้นผิดปกติก็ได้เพราะในหัวมีแต่ภาพของตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ที่กระทำกับคนอื่น ไม่อยู่ในใจเลย คนยุคเราพกระเบิดเวลาไว้ในหัวคนละลูก มีคนอีกมากที่สงสารตัวเองสูง เท่ากับหรืออาจจะมากกว่าจ่าจักรพันธ์ หลักฐานคือมีแฟนคลับของจ่าเกิดขึ้นทันทีมากมาย หลายคนไม่สนใจว่าผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายกันเท่าไร ได้แต่พูดแสดงความเห็นใจจ่าคลั่ง ประมาณว่า ก็คนมันโดนกดขี่มาก่อน เหมือนถูกบีบให้ต้องทำอย่างนี้ ครั้งนี้ คนที่ระเบิดเวลาปะทุ ดันเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธ และเก่งขนาดเอาตัวรอด ด้วยการสังหารหน่วยอรินทราชได้ เราแค่ยังไม่รู้ว่าคนมีศักยภาพแบบเดียวกัน เป็นจำนวนเท่าใด ที่แอบชื่นชม และอาจกำลังวางแผนเอาตาม มนุษย์ไม่อาจสัมผัสนรกหลังความตาย แต่เมื่อลิ้มรสนรกบนดินจนทนไม่ไหว ก็เลิกกลัวนรกหลังความตายกันไปหมด ข่าว ผอ.กอล์ฟ เราได้บทเรียน คือ อย่าปล่อยให้ลูกหลานฟุ้งเฟ้อเกินไป ส่วนข่าวจ่าจักรพันธ์ เราได้บทเรียนคือ อย่ากดขี่ผู้น้อย อย่าย่ามใจว่าเขาด้อยกว่า แต่บทเรียนที่แท้จริงที่ควรช่วยๆกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยิงกราดขึ้นอีก คือ อย่าปล่อยใจ เผลอสะสมความคลุ้มคลั่งตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าคิดว่าเราทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้แนวโน้มคือ เราจะช่วยซ้ำเติมให้อะไรๆแย่ลงไปอีก!