ยังคงไม่ลงตัวสักทีสำหรับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอยูไนเต็ด ทีมอันดับ 7 ในศึกพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ หลังจากเตะไปแล้ว 25 นัด ตามหลังทีม "เชฟฯยูไนเต็ด" ทีมอันดับ 6 อยู่ 1 คะแนน และตามหลังทีมลุ้นพื้นที่โควต้าถ้วยยุโรปอยู่ 6 คะแนน อีกทั้งยังมีปัญหาภายในทีมที่ต้องปรับจูนอีกมากมายหลายเรื่อง ด้วยปัญหาที่ตัวผู้เล่นที่ฟอร์มไม่คงที่ หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่าเป็นแค่ “นักเตะเกรด B+” อีกทั้งยังมีตัวผู้เล่นที่เริ่มทยอยเจ็บอีกมากมาย โดยเฉพาะในรายของ "มาร์คัส แรชฟอร์ด" กองหน้าตัวความหวังของทีมที่มีอาการบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก ในเกมที่เก็บชัยชนะเหนือ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ จนสามารถเข้ารอบ 4 ได้สำเร็จ โดยต้องสังเวย "แรชฟอร์ด" ที่ลงสำรองมาในนาทีที่ 64 ก็มาเดี้ยงอีกในนาทีที่ 15 นาทีต่อมา เมื่อปะทะกับ "แม็ตต์ โดเฮอร์ตี" ทำให้ต้องโดนเปลี่ยนออกนาทีที่ 79 ทำให้เจ้าตัวต้องเข้ารับการรักษาอาการถึง 3 เดือน จากการขาดหายไปของ "แรชฟอร์ด" ดาวยิงตัวหลัก ทำให้แดนหน้าของทีมเกิดจุดอ่อน ซึ่งสื่อต่างประเทศก็คาดการณ์ว่าพวกเขาอาจดึง "อเล็กซิส ซานเชซ" ดาวเตะตัวเก๋ากลับมาจากการยืมตัวที่" อินเตอร์ มิลาน" ทีมดังในศึกกัลโชเซเรียอา ของประเทศอิตาลี เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในแดนหน้าของทีม อย่างไรก็ตาม ตอนเซ็นสัญญาปล่อย"ซานเชซ" ไปเล่นที่อิตาลี ก็ไม่มีข้อตกลงว่า แมนฯยูฯ สามารถดึงเจ้าตัวกลับมาได้ระหว่างสัญญายังไม่หมด สำหรับ ซานเชซ วัย 31 ปี เพิ่งหายเจ็บข้อเท้าซ้าย โดยลงสนามเล่นให้ อินเตอร์ ไปแค่ 129 นาทีเท่านั้น ผิดกับ "โรเมลู ลูกากู" ที่ซื้อไปจาก แมนฯยูฯ และเล่นได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พังประตูเป็นกอบเป็นกำ ล่าสุด "โอเล กุนนาร์ โซลชา" ผู้จัดการทีมปีศาจแดง ต้องกุมขมับอีกรอบ เพราะหลังจบฤดูกาลนี้อาจจะต้องเสียห้องเครื่องตัวเก่งไปอีกราย เมื่อ"แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์" สื่อท้องถิ่นรายงาน ว่า "ปอล ป๊อกบา" กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์โลก 2018 ไม่ต้องการเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด อีกต่อไป และมีผู้เล่นบางคนของสโมสรอยากให้ย้ายออกจากทีมเพื่อบรรยากาศที่ดีภายในทีม อย่างไรก็ตาม “ป๊อกบา” ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เพื่อนร่วมทีมที่ยังเข้าใจในตัวกองกลางชาวฝรั่งเศส โดยฤดูกาลนี้ ป๊อกบา ลงสนามเพียง 6 นัด เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่ตอนนี้ได้เข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยและอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ก่อนหน้านี้ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ทีมดังในอิตาลี ต้องการที่จะดึง "ป๊อกบา" มาร่วมทีมหลังจากที่ขายให้ปีศาจแดง ด้วยราคา 89 ล้านปอนด์ แต่สถานการณ์ของป๊อกบาล่าสุดอาจจะเปลี่ยนไปเมื่อสโมสรได้ดึงตัว "บรูโน แฟร์นานเดส" วัย 25 ปี มาร่วมทีม จึงเป็นโอกาสที่ ยูเวนตุส จะได้ตัว "ป๊อกบา" มาร่วมหลังจบฤดูกาลนี้ ขณะที่ "เรอัล มาดริด" ยอดทีมในศึกลาลีกา ประเทศสเปน แสดงความสนใจในตัว "ป๊อกบา" มานานแล้วจากความต้องการของยอดกุนซือ "ซีเนดีน ซีดาน" ที่หวังจะคว้านักเตะมาร่วมทีมให้เป็นกำลังสำคัญในแดนกลางเพื่อทดแทน "โทนี โครส" วัย 30 ปี และ"ลูกา โมดริช" วัย 34 ปี ที่กำลังโรยราย สำหรับ "บรูโน แฟร์นานเดส" กองกลางทีมชาติโปรตุเกส เป็นจิ๊กซอซ์ตัวแรก ที่ปีศาจแดงคว้าตัวมาในช่วงเปิดตลาดเดือนมกราคม หลังจากที่ตกเป็นข่าวว่าเตรียมย้ายซบแมนฯ ยูฯ ภายใน 48 ชั่วโมงมาหลายต่อหลายครั้ง สำหรับแฟร์นานเดสย้ายจากสปอร์ติง ลิสบอน ลีกโปรตุเกส มาด้วยค่าตัวตามรายงานข่าว 68 ล้านปอนด์ หรือราว 2,720 ล้านบาท ภายหลังการเซ็นสัญญา แฟร์นานเดส เปิดเผยว่า "ผมเริ่มจะติดตามแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังได้ดูการเล่นของคริสเตียโน โรนัลโด ที่เขามาเล่นที่นี่ ตั้งแต่นั้นมาผมก็กลายเป็นแฟนทีมนี้มาโดยตลอด ผมอยากลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้วในตอนนี้ ผมรู้สึกเหลือเชื่อที่ได้มาอยู่ที่นี่ ผมทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ช่วงเวลาที่ดีแบบนี้ และผมสัญญากับแฟนๆ ว่าผมจะทุ่มเททุกอย่างให้กับทีมเพื่อช่วยให้เราประสบความสำเร็จและคว้าถ้วยรางวัลมากขึ้น" "ผมขอขอบคุณสปอร์ติง ลิสบอน สำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อผม ขอบคุณมากสำหรับโอเล กุนนาร์ โซลชาร์ และทุกคนที่นี่สำหรับความไว้วางใจ และผมแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเริ่มทำงานที่นี่" แฟร์นานเดสกล่าว หลังจากที่คว้าตัวกองกลางทีมชาติโปรตุเกสมาได้ "โอเล กุนนาร์ โซลชา" กุนซือชาวนอร์เวย์จัดการส่ง "บรูโน" ลงสนามเป็นตัวจริงทันทีในเกมเสมอ วูล์ฟส์ 0-0 แม้ว่าจะเพิ่งร่วมทีมได้เพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้น ถึงแม้การมาของ "บรูโน" จะไม่ได้ทำให้ทีมคว้าชัยชนะในทันทีก็ตาม โดย"แกรี เนวิลล์" แบ็กขวาระดับตำนานของปีศาจแดง ออกมาคอมเมนต์ถึง "บรูโน" ที่ลงประเดิมช่วยทีมเกมเปิดบ้านเสมอกับ "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 0-0 ว่า เป็นที่เข้าใจกันว่าบรูโน แฟร์นันเดส ย้ายมาสู่ชายคาโรงละครแห่งความฝันก่อนตลาดหน้าหนาวปิดแค่ราวๆ 2 วันเท่านั้น หากนักเตะทำได้ตามเงื่อนไข ซึ่งตัวเขาก็ได้ประเดิมสนามทันที "มันเป็นเกมที่ยากพอสมควรนะ ครึ่งแรกเขาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 แต่ครึ่งหลังเขาขยับลงมาเล่นกับ "เฟร็ด" ซึ่งผมชอบแบบนี้มากกว่าที่ได้เห็นเขาคุมเกมและเคลื่อนที่ไปในทุกๆ ที่ของสนาม ผมดูเขาเล่นแล้วทำให้นึกถึงอดีตผู้เล่นของเราอย่าง ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ผมคิดว่าเขาเล่นได้ดีเลยทีเดียว เราได้ยินเกี่ยวกับเขาถึงสถิติการทำประตูและแอสซิสต์ที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนการสร้างสรรค์โอกาสในแดนหน้าให้กับทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีม" แกรี เนวิลล์ ระบุ ด้านจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ได้ "โอเดียน อิกาโล" ที่ยืมตัวมาจาก เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ทีมดังจากแดนมังกร เป็นเวลา 6 เดือน เสียค่ายืม 4 ล้านปอนด์ พร้อมกับแบ่งเบาภาระเรื่องค่าเหนื่อย โดยกองหน้าวัย 30 ปีรายนี้ อาจจะไม่ได้มีชื่อที่ดูโดดเด่นแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้เล่นโนเนมไปเสียทีเดียว เพราะ "อิกาโล" เคยโลดแล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีก กับวัตฟอร์ด มาแล้ว ซึ่งผลงานไม่ได้น้อยหน้าใคร สำหรับประวัติคร่าว ๆ ชื่อเต็มของเขาคือ "โอเดียน จูเด อิกาโล" เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1989 ปัจจุบันอายุ 30 ปี ส่วนสูง : 188 เซนติเมตร ตำแหน่งกองหน้า ทีมชาติ ไนจีเรีย เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมในลีกบ้านเกิด อิกาโล เลือกออกจากโรงเรียนและหันมาเล่นฟุตบอลอย่างเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งไปฉายแววเตะตาแมวมองของสโมสรในยุโรปอย่าง ลินน์ ในลีกนอร์เวย์ โดยลงเล่นไป 20 นัด ซัด 9 ประตู ในปี 2007 จากนั้นในปีถัดมาสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง อูดิเนเซ และถูกปล่อยยืมให้ กรานาดา และ เซเชนา ยืมตัวไปใช้งาน ก่อนในฤดูกาล 2011/12 จะถูก กรานาด้า ยืมตัวมาช่วยทีมอีกรอบและโชว์ฟอร์มแจ้งเกิดพา กรานาด้า เลื่อนชั้นมาโลดแล่นบนเวที ลา ลีกา สเปน ด้วยผลงาน 130 นัด ซัด 36 ประตู มาถึงช่วงปี 2014 วัตฟอร์ด จัดการยืมตัว อิกาโล มาจาก อูดิเนเซ โดยยิงประตูให้แตนอาละวาดไปถึง 33 ประตู จากการลงเล่น 82 นัด ตลอดฤดูกาล 2014/15 ถึง 2017/18 และได้ย้ายไปค้าแข้งในประเทศจีนกับ ชางชุน ย่าไท่ และ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ตามลำดับ เหมือนพรหมลิขิต แข้งใหม่ป้ายแดงทั้ง 2 คนนี้ เคยอยู่ร่วมสโมสรกันมาแล้ว ก่อนที่จะพบกันอีกครั้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็คือสโมสร อูดิเนเซ ในศึก กัลโช เซเรีย อา ที่ทั้งคู่ต่างได้มาอยู่ในลีกอิตาลีด้วยการถูกปล่อยยืมตัวจากต้นสังกัดของตัวเอง บรูโน เฟอร์นานเดส ถูกปล่อยมาจาก โนวารา ส่วนทางด้าน อิกาโล่ ก็ถูกปล่อยมาจาก กรานาดา ของ ลาลีกา สเปน และถึงแม้ว่าทั้ง บรูโน และ อิกาโล จะได้อยู่ร่วมทีมเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ลงเล่นร่วมกันเลยแม้แต่นัดเดียว และเป็นทางด้าน มิดฟิลด์โปรตุกีส ที่มีโอกาสได้ลงสนามลงเล่นไปถึง 95 นัดทำไป 11 ประตู 13 แอสซิสต์ ส่วน กองหน้าอินทรีมรกต ได้ลงสนามไปแค่ 5 นัด ยิงไป 1 ประตูเท่านั้น อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจากนี้ “ปีศาจแดง” คาดหวังไว้ว่า 2 จิ๊กซอว์ ที่เพิ่งคว้าตัวมาจะสามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้โดยเร็ว เพื่อลุ้นพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปให้ได้ หากนับจากนี้จะคว้าชัยเก็บคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ น่าจะติด 1 ใน 4 อันดับได้อย่างแน่นอน