เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต โพสต์ข้อความและรูปภาพเมือง อู่ฮั่น ประเทศจีน ในยามบ้านเมืองยังเป็นปกติ ความว่า... มิวเซียมเกงจิงแหล่งสัมฤทธิ์สำคัญ ศพไม่น่าไม่เปื่อยสมัยราชวงศ์ฮั่น ผ้าไหมพันปี และกฎหมายฉบับแรกการโกงข้าวชาวนาสมัยพระเจ้าฮั่นโกโจ นับตั้งแต่ ปี พ.ศ.2528 2 ค.ศ.1985 เป็นต้นมา เมืองเกงจิวและซาซื่อ รวมเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นเมืองใหม่เขตจิงซาและพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมทันสมัยริมแม่น้ำฉางเจียงอย่างรวดเร็ว ความที่ เมืองเกงจิว / จิวโจว เป็นเมืองที่ใหญ่และมีความสำคัญเป็นอันดับสองของมณฑลหูเป่ย มีการพัฒนาเป็นเมืองเศรษฐกิจ จากการถลุงเหล็กและสัมฤทธิ์ เป็นเหตุให้มิวเซียมจิงโจว จึงเป็นมิวเซียมสัมฤทธิ์อันดับต้น ๆ ของจีน มิวเซียมแห่งนี้ แม้ขนาดความใหญ่โตโออ่าจะสู้แถบ มณฑลหูหนาน ,มณฑลกวางสี ,มณฑลยูนาน มณฑลเสฉวน ไม่ได้แต่ก็น่าสนใจมากทีเดียว เมืองโบราณจิงโจวเริ่มสร้างขึ้นในสมัยชุนชิวจั้นกั๋ว แต่เมืองเก่าแก่ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ โดนเฉพากำแพงเมืองเป็นสถาปัตยกรรมที่บูรณะขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง เป็นเมืองอิฐที่แข็งแรงสมบูรณ์แบบ เป็นหนึ่งในกำแพงเมืองโบราณของจีนที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มิวเซียมจิงโจว อยู่ในเส้นทางหนึ่งของเขตเมืองเก่า ซึ่งสิ่งจัดแสดงในมิวเซียม แบ่งเป็นห้อง ๆ ตามแหล่งโบราณวัตถุบอกความเป็นของพัฒนาการทางสังคมที่เจริญเติบโตมาเรื่อย ๆ เครื่องสัมฤทธิ์แล้ว ยังมีห้องเครื่องปั้นดินเผา เครื่องกระเบื้อง ที่น่าสนใจ และยังมีห้องการแสดงแต่ต้องเข้าชมเป็นคณะเท่านั้น อีกห้องที่น่าสนใจ คือ วิวัฒนาการตัวอักษรและแบบเรียน ในห้องอักษรไม้ไผ่ อักษรที่จารึกลงในไม้ไผ่สมัยพระเจ้าฮั่นเกาจู(หลิวปัง)บันทึกเรื่องคดีนายอำเภอโกงข้าวหลวงจำนวน 268 ถัง นายอำเภอคนนี้มีเงินปีจำนวนข้าว 200 ถังถูกทำโทษและบันทึกการตัดสินคดีความไว้เป็นแบบอย่างให้นักเรียนกฎหมายรุ่นต่อได้ศึกษา ความน่าประทับใจของการมาทอดน่องท่องเที่ยวจีนคือ ขายความเก่าของบ้านเมืองที่เขตโบราณสถานและชุมชนเมืองสามารถอยู่ร่วมกันได้ และรักษาของดีมีอยู่ไว้ มิวเซียมมีเสน่ห์เป็นห้อง ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ของที่ระลึกน่าเก็บหาและเหมือนของจริง เที่ยวที่นี่สักครึ่งวันถือว่ามาทำความรู้จักกับเมืองนี้ก่อน แล้วค่อยตระเวนเที่ยว วัด อาราม กำแพงเมืองให้เพลินตาแล้วจะรู้ว่าเมืองนี้ใครใหญ่.... โดยเฉพาะ มิวเซียวเมืองจิงโจว เป็นพิพิธภัณฑ์สัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อันดับต้นๆของประเทศจีนและ แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คงเป็นมัมมี่ที่มีการขุดค้นพบที่อยู่ในโลงไม้ฝังไว้ใต้ดินแบบหลายชั้น รวมทั้งเครื่องมือ เสื้อผ้า ของใช้ที่มีอายุนานกว่า 2 พันปี ปัจจุบันมัมมี่นี้ดูแลเก็บรักษาไว้อย่างดีไว้ในโลงแก้วสุญญากาศ เป็นศพขุนนางสมัยราชวงศ์ฮั่น(ไซฮั่น)ที่ขุดพบไม่เน่าเปื่อย จัดแสดง ห้องสุดท้ายของการจัดแสดงนั้น มีความพิเศษไม่เหมือนใคร ประกอบด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะผ้าไหมที่พบในสุสานสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งจัดแสดงให้ชม สิ่งจัดแสดงนอกจากวัฒนธรรมสัมฤทธิ์แล้วยัง ตุ๊กตาดินเผาสมัยราชวงศ์จิ้น (แซ่สุมา) หลังสมัยสามก๊ก การปั้นของช่างยุคมีความละเอียดสวยงามเลยมีเดียว ยังมีเอกสารสำคัญอักษรที่จารึกลงในไม้ไผ่สมัยพระเจ้าฮั่นเกาจู(หลิวปัง)บันทึกเรื่องคดีนายอำเภอโกงข้าวหลวงจำนวน268ถังนายอำเภอคนนี้มีเงินปีจำนวนข้าว200ถังถูกทำโทษและบันทึกการตัดสินคดีความไว้เป็นแบบอย่างให้นักเรียนกฎหมายรุ่นต่อได้ศึกษา รวมทั้ง กระบี่ของ ปู้กวง เจ้าแคว้นเยว่ และกระบี่ของลูกชายโกวเจี้ยน จัดแสดงอยู่ในมิวเซียมเมืองจิงโจว หรือเกงจิ๋ว จัดแสดงอยู่ในมิวเซียมเมืองจิงโจว/เกงจิวก็จัดแสดงอยู่ในมิวเซียมแห่งนี้ มิวเซียมจิงโจว (荆州 Jingzhou) มณฑลหูเป่ย จัดว่าสมบูรณ์แบบ และเก่าแก่ที่สุดในยุคของสามก๊ก ร้านของที่ระลึกมีสิ่งของให้เลือกซื้อเก็บสะสมก็มีหลากหลาย ร้านเล็ก ๆ แต่งดงาม อนึ่ง หากพอมีเวลาจุดหนึ่งที่ควรแวะนอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยววัดวาเกี่ยวกับกวนอู่ ติดกับประตูกำแพงเมืองโบราณเกงจิว จะมีบ้านพักเก่าแก่ของจาง จวีเจิ้งเป็นบ้านอดีตนักการเมืองและนักปฏิวัติในสมัยราชวงศ์หมิงเคยพำนักอยู่ ภายในบ้านพักเก่าแก่จาง จวีเจิ้งแห่งนี้มีสวนดอกไม้จำนวนมาก ภายในสวนเขียวชอุ่มไปทั่ว เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี มีสะพานน้อยๆ ที่มีน้ำไหลผ่าน มีอาคาร ศาลา อันเงียบสงบและสบายอย่างยิ่ง มาเกงจิว ควรมาทำความรู้จักเมืองแห่งนี้ผ่านมิวเซียม (ซึ่งทัวร์ปกติไม่นิยมพาเข้าชม) ก่อนแล้วค่อยไปท่องดินแดนที่ประชาชนคนเมืองนี้ถือตนว่าเป็นลูกหลานเทพเจ้ากวนอู